21 พฤศจิกายน 2567

แคลอรี่ใน ยำวุ้นเส้นหมูสับ มีกี่ Kcal

ยำวุ้นเส้นหมูสับ

ยำวุ้นเส้นหมูสับ คืออาหารไทยประเภทสลัดที่มีวุ้นเส้นเป็นส่วนประกอบหลัก ผสมกับหมูสับและผักหลากชนิด เช่น หอมแดง ผักชี มะเขือเทศ และพริกสด รสชาติเปรี้ยว-หวาน และเค็มเล็กน้อยเกิดจากการปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาล มีความสดชื่นของน้ำจิ้มและความกรอบของผักทั้งหลาย วุ้นเส้นที่ใช้ในยำวุ้นเส้นหมูสับทำจากถั่วเขียว ปรุงสุกแล้วจะมีเนื้อหนึบหนับ หมูสับในจานนี้เพิ่มโปรตีนและรสชาติให้อาหารเป็นที่นิยมทานเป็นจานรองรับในงานเลี้ยงหรือเป็นเมนูเพื่อสุขภาพยำวุ้นเส้นหมูสับมีค่าพลังงานไม่สูงนัก แต่ให้สารอาหารที่ครบถ้วน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความอร่อยและมีประโยชน์ในเมนูเดียวกัน

โดยเฉลี่ยปริมาณ ยำวุ้นเส้นหมูสับ 1 จาน (250 กรัม) ให้พลังงาน

= 250 KCAL

(หรือคิดเป็น 100 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 จานประกอบด้วยไขมัน 5 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 45 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 7% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
ยำวุ้นเส้นหมูสับ

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
วุ้นเส้น 45%
หมูสับ 25%
น้ำปลา 15%
น้ำมะนาว 10%
ผักและพริกสด 5%
ในการแยกส่วนของแคลอรี่ในยำวุ้นเส้นหมูสับ แคลอรี่อันดับ 1 มาจากวุ้นเส้นซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก รองลงมาคือหมูสับ ส่วนแคลอรี่ที่เหลือมาจากเครื่องปรุงเช่น น้ำปลาและน้ำมะนาว และผักเช่นพริกสด แม้ว่าแคลอรี่จากผักจะน้อยแต่ก็สำคัญในเรื่องของความสมดุลและรสชาติ

ปริมาณโซเดียมใน ยำวุ้นเส้นหมูสับ

เฉลี่ยใน 1 จาน
500 - 700
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม ค่อนข้างสูง
ยำวุ้นเส้นหมูสับ 1 จาน (250 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 500-700 มิลลิกรัม
คิดเป็น 25-35% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"ยำวุ้นเส้นหมูสับมีปริมาณโซเดียมค่อนข้างสูง เนื่องจากการใช้น้ำปลาเป็นส่วนประกอบหลักในการปรุงรส ทำให้มีรสเค็มที่น่ารับประทาน"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน ยำวุ้นเส้นหมูสับ

ในยำวุ้นเส้นหมูสับ 1 จาน มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามินซี 15.5 มิลลิกรัม 25% ผักและน้ำมะนาว
ธาตุเหล็ก 3.2 มิลลิกรัม 18% หมูสับ
โพแทสเซียม 200.0 มิลลิกรัม 10% ผักหลากชนิด
วิตามินเอ 350.0 ไมโครกรัม 40% ผักหลากชนิด
วิตามินบี6 0.5 มิลลิกรัม 30% หมูสับ
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินยำวุ้นเส้นหมูสับ 1 จาน ให้พลังงาน 250 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 0.8 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.4 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 0.5 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 0.5 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินยำวุ้นเส้นหมูสับให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. สอบถามร้านค้า ให้สอบถามร้านค้าว่ามีวิธีทำอาหารแบบลดไขมันหรือมีเมนูที่ปรับใช้ส่วนประกอบที่ไม่ให้แคลอรี่มากเกินไปหรือไม่
  2. ขอซอสแยกต่างหาก ขอให้นำซอสต่างหากมาเพื่อควบคุมปริมาณ เพิ่มความเค็มตามชอบแต่ไม่ให้เกินที่ต้องการ
  3. เลือกวุ้นเส้นจากถั่วเขียว หลีกเลี่ยงวุ้นเส้นที่ทำจากแป้งเพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการที่สูงขึ้นและมีคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่า
  4. เน้นผักเยอะ ขอเพิ่มผักหลากชนิดในยำเพื่อเพิ่มสารอาหารและให้มีความอิ่มที่มากขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่มีน้ำตาลสูง หลีกเลี่ยงน้ำตาลในแม้ในซอส เพื่อไม่ให้เพิ่มพลังงานที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. ใช้เนื้อหมูที่มีไขมันน้อย เลือกใช้หมูสับที่มีไขมันน้อยหรือหมูไม่ติดมันเพื่อลดปริมาณไขมันที่เข้าสู่ร่างกาย
  2. ลดปริมาณวุ้นเส้น หลีกเลี่ยงการใส่วุ้นเส้นปริมาณมาก แต่เพิ่มผักหลากชนิดที่ให้ไฟเบอร์สูง
  3. ปรุงซอสเอง เตรียมผสมซอสที่มีโซเดียมต่ำ เช่น การใช้น้ำมะนาวแทนน้ำปลาในการปรุงรส
  4. อบหรือตุ๋นส่วนประกอบ แทนการใช้วิธีทอดหรือผัดที่ต้องใช้น้ำมันมาก
  5. ใช้ผักสด เน้นการใช้ผักสดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเสริมให้ชามยำวุ้นเส้นสุขภาพดี
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารควรระวังส่วนผสมเช่น กุ้ง ถ้าร้านใช้กุ้งเป็นส่วนประกอบ หรือน้ำปลาอาจมีสารตั้งต้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการแพ้รา หรือแพ้ถั่ว นอกจากนี้ควรระวังพริกหรือผักที่อาจมีสารพิษเจือปนและควรเลือกสถานที่ที่มั่นใจได้ว่ามีการจัดการเรื่องความสะอาดและใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัย รวมถึงต้องสอบถามที่ร้านถึงการใช้วัตถุดิบกรณีมีข้อสงสัยเมื่อเกิดอาการแพ้ได้
รู้หรือไม่? การกินยำวุ้นเส้นหมูสับสามารถลดแคลอรี่ได้โดยการลดปริมาณน้ำปลาและแหล่งไขมัน เช่น หมูสับ เลือกใช้เนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ และปรับอัตราส่วนผักให้มากขึ้นแทนการใช้วุ้นเส้นในปริมาณมาก นอกจากจะลดแคลอรี่ลงแล้วยังเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและเพิ่มความอิ่มได้อย่างยาวนานด้วย

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
75
%
ระดับปานกลาง
กินแล้วอยู่ท้องปานกลาง

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
60
คะแนน
ระดับค่า GI ปานกลาง
น้ำตาลในเลือดเพิ่มปานกลาง

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
70
คะแนน
มีใยอาหารสูง
ช่วยควบคุมการย่อยได้ดี

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
150
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนปานกลาง
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ต้องระวัง

เป็นโรคเบาหวาน กินยำวุ้นเส้นหมูสับได้ไหม?

ยำวุ้นเส้นหมูสับมีน้ำตาลจากวัตถุดิบเช่น มะเขือเทศและเครื่องปรุงที่มีการใส่น้ำตาลในการปรุงรส ควรลดปริมาณพวกน้ำตาลทรายและเครื่องปรุงสำเร็จรูปลง อีกทั้งควรตรวจสอบระดับของน้ำตาลในเลือดหลังการรับประทานอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาล

เป็นโรคไต กินยำวุ้นเส้นหมูสับได้ไหม?

ยำวุ้นเส้นหมูสับมีปริมาณโซเดียมค่อนข้างสูงจากน้ำปลาและเครื่องปรุงต่างๆ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตรวมถึงกลุ่มที่ต้องจำกัดโซเดียมควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมเกลือในร่างกายที่อาจนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพเพิ่มเติม

เป็นโรคหัวใจ กินยำวุ้นเส้นหมูสับได้ไหม?

ยำวุ้นเส้นหมูสับมีปริมาณโซเดียมและไขมันจากหมูสับที่มีผลต่อความดันโลหิตและการทำงานของหัวใจ ควรเลือกเครื่องปรุงที่มีปริมาณต่ำ และเลือกใช้เนื้อสัตว์ที่ไขมันต่ำเพื่อลดความเสี่ยง

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินยำวุ้นเส้นหมูสับได้ไหม?

ปริมาณโซเดียมในยำวุ้นเส้นหมูสับสูงกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการใช้เครื่องปรุง เช่น น้ำปลา ซึ่งเป็นแหล่งโซเดียมหลักทำให้ควรระมัดระวังในการปรุงรส ควรลดปริมาณหรือเลือกเครื่องปรุงที่มีโซเดียมต่ำแทนเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันโลหิต

เป็นโรคเก๊าท์ กินยำวุ้นเส้นหมูสับได้ไหม?

ยำวุ้นเส้นหมูสับมีระดับพิวรีนปานกลางซึ่งสามารถนำไปสู่การสะสมของกรดยูริคได้ในร่างกาย ควรจำกัดการบริโภคอาหารที่มีพิวรีนสูงอื่น ๆ รวมทั้งควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเก๊าท์

เป็นโรคกระเพราะ กินยำวุ้นเส้นหมูสับได้ไหม?

เครื่องปรุงอย่างน้ำปลา พริก และส่วนประกอบรสเผ็ดอาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะได้ ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะควรปรับปริมาณและเลือกชนิดของเครื่องปรุงตามความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผล

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน