21 พฤศจิกายน 2567

แคลอรี่ใน ยำไข่แมงดา มีกี่ Kcal

ยำไข่แมงดา

ยำไข่แมงดา คืออาหารไทยที่ประกอบด้วยไข่แมงดาทะเลปรุงรสกับน้ำยำ มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ด และเค็ม น้ำยำทำจากน้ำมะนาว น้ำปลา พริก น้ำตาล และสมุนไพรอื่นๆ ไข่แมงดาเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ หากินได้ตามร้านอาหารอีสานหรืออาหารทะเล สรรพคุณช่วยเรื่องการเพิ่มพลังงานและโปรตีนให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและระบบการย่อยอาหาร อย่างไรก็ตามผู้ที่มีภูมิแพ้ควรหลีกเลี่ยงหรือระมัดระวังการบริโภคเพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ อาหารนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารเพื่อเติมพลังงานและโปรตีนในร่างกาย แต่สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวหรือมีความไวต่ออาหารบางชนิด ควรมีการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะเลือกบริโภค ดังนั้นยำไข่แมงดาจึงเป็นเมนูที่มีคุณค่าทางอาหารที่สามารถสร้างความอร่อยให้กับหลายคน

โดยเฉลี่ยปริมาณ ยำไข่แมงดา 1 จาน (250 กรัม) ให้พลังงาน

= 350 KCAL

(หรือคิดเป็น 140 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 จานประกอบด้วยไขมัน 15 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 135 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 21% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
ยำไข่แมงดา

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
ไข่แมงดา 40%
น้ำยำ 25%
ถั่วลิสง 20%
พริกเผา 10%
สมุนไพร 5%
ไข่แมงดามีส่วนสำคัญต่อแคลอรีในยำไข่แมงดาที่สูงถึง 40% ถัดมาเป็นน้ำยำที่ให้ความหวาน ความเปรี้ยวและเผ็ด ซึ่งคิดเป็น 25% ตามด้วยถั่วลิสง 20% พริกเผา 10% และสมุนไพรที่เหลือ 5% การแบ่งแยกเหล่านี้เน้นให้ทราบถึงแหล่งพลังงานหลักจากวัตถุดิบ

ปริมาณโซเดียมใน ยำไข่แมงดา

เฉลี่ยใน 1 จาน
300 - 400
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม ปานกลาง
ยำไข่แมงดา 1 จาน (250 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 300-400 มิลลิกรัม
คิดเป็น 15-18% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"ยำไข่แมงดามีโซเดียมในระดับที่เหมาะสมจากน้ำปลาและเครื่องปรุงที่ใช้ในการทำน้ำยำ การควบคุมปริมาณเกลือเป็นสิ่งสำคัญในการปรุงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพ"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน ยำไข่แมงดา

ในยำไข่แมงดา 1 จาน มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามินซี 15.0 มิลลิกรัม 25% น้ำมะนาว
ธาตุเหล็ก 3.5 มิลลิกรัม 20% ไข่แมงดา
แคลเซียม 60.0 มิลลิกรัม 6% ถั่วลิสง
แมกนีเซียม 25.0 มิลลิกรัม 7% ไข่แมงดา
โพแทสเซียม 150.0 มิลลิกรัม 5% น้ำยำ
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินยำไข่แมงดา 1 จาน ให้พลังงาน 350 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 1.2 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.6 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 0.7 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 0.7 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินยำไข่แมงดาให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. เลือกใช้วัตถุดิบธรรมชาติ ลดการใช้น้ำมันและสารปรุงแต่ง
  2. ให้เลือกน้ำยำที่มีน้ำตาลต่ำ ลดแคลอรี่จากน้ำตาลที่ไม่จำเป็น
  3. เลือกเนื้อแมงดาทะเลที่สด ลดความเสี่ยงจากพยาธิและแบคทีเรีย
  4. สั่งเพิ่มสมุนไพร เสริมสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการใช้น้ำตาล
  5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. ใช้การปรุงยำสดใหม่ ลดการใช้น้ำมันและน้ำตาลมากเกิน
  2. เลือกไข่แมงดาที่สด เช็คความปลอดภัยของเนื้อสัตว์
  3. ลดปริมาณถั่ว ถั่วเป็นแหล่งพลังงานที่มีแคลอรี่สูง
  4. เพิ่มสมุนไพรและผัก ช่วยเพิ่มใยอาหารและลดพลังงาน
  5. ปรับสัดส่วนพริกไทย ลดความเผ็ดเพื่อำให้เสี่ยงต่อระบบย่อยน้อยลง
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้อาหารที่อาจเกิดจากไข่แมงดาหรือส่วนผสมในยำไข่แมงดาควรระมัดระวังในการบริโภค เนื่องจากไข่แมงดามีสารสกัดที่อาจกระตุ้นการแพ้ได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิแพ้ในการกินไข่หรืออาหารทะเล ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคหากรู้สึกถึงอาการคัน อาการบวม หรือมีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เมื่อเริ่มสัมผัสอาหารนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย
รู้หรือไม่? การลดแคลอรีจากการกินยำไข่แมงดาทำได้โดยเลือกใช้พริกน้อยๆเพื่อลดความเผ็ดที่อาจกระตุ้นการแข็งตัวของไขมัน และใช้สมุนไพรที่มีความหวานน้อยแทนการเติมน้ำตาล อีกทั้งลดปริมาณถั่วลิสงซึ่งมีพลังงานสูง ควรเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่แทนการใช้วัตถุดิบที่มีสารปรุงแต่งเพิ่มเติม พร้อมทั้งคำนึงถึงการใช้น้ำมันให้เยอะเกินไป

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
80
%
ระดับสูง
กินแล้วอยู่ท้องนาน

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
45
คะแนน
ระดับค่า GI ต่ำ
น้ำตาลในเลือดเพิ่มช้าคงที่

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
60
คะแนน
มีใยอาหารปานกลาง
หรือมีใยอาหารพอสมควร

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
120
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนปานกลาง
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ต้องระวัง

เป็นโรคเบาหวาน กินยำไข่แมงดาได้ไหม?

สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การกินยำไข่แมงดาควรระมัดระวังเนื่องจากปริมาณน้ำตาลในน้ำยำ และควรเลือกใช้น้ำยำที่มีน้ำตาลต่ำ นอกจากนี้ควรควบคุมปริมาณการบริโภคให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย ไม่ควรกินในปริมาณมากเกินไปภายในครั้งเดียว

เป็นโรคไต กินยำไข่แมงดาได้ไหม?

ผู้ป่วยโรคไตควรระมัดระวังเมื่อบริโภคยำไข่แมงดาเนื่องจากปริมาณโซเดียมในน้ำยำ อาจทำให้ไตทำงานหนักขึ้น และควรหลีกเลี่ยงบริโภคบ่อยครั้ง

เป็นโรคหัวใจ กินยำไข่แมงดาได้ไหม?

สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ การบริโภคยำไข่แมงดาควรระมัดระวังเรื่องโซเดียมที่อาจส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือด ควรเลือกใช้น้ำยำที่มีส่วนประกอบของโซเดียมต่ำ

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินยำไข่แมงดาได้ไหม?

การกินยำไข่แมงดาสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรระวังน้ำยำที่มีโซเดียมสูง อาจส่งผลต่อความดันโลหิตได้ ควรควบคุมปริมาณโซเดียมในแต่ละมื้อ

เป็นโรคเก๊าท์ กินยำไข่แมงดาได้ไหม?

ยำไข่แมงดามีปริมาณพิวรีนปานกลาง ถึงสูง ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจทำให้อาการซ้ำร้ายหรือถึงขั้นเกิดภาวะกรดยูริคในเลือดสูงได้อย่างมาก

เป็นโรคกระเพราะ กินยำไข่แมงดาได้ไหม?

ผู้ป่วยโรคกระเพาะควรระวังการกินยำไข่แมงดา เพราะความเผ็ดและรสจัดของน้ำยำอาจทำให้กระเพาะเกิดการกระตุ้นและระคายเคือง จึงควรเลือกกินในปริมาณที่เหมาะสมและลดรสชาติให้น้อยลง

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน