24 พฤศจิกายน 2567

แคลอรี่ใน สปาเก็ตตี้ซอสหมู มีกี่ Kcal

สปาเก็ตตี้ซอสหมู

สปาเก็ตตี้ซอสหมู คืออาหารจานหลักที่มีต้นกำเนิดจากอาหารอิตาเลียน มีส่วนผสมหลัก คือเส้นสปาเก็ตตี้ที่ผลิตจากแป้งสาลี โดยมีซอสที่ประกอบด้วยเนื้อหมูเป็นส่วนประกอบหลัก บางครั้งอาจมีการใส่เครื่องปรุงอื่น ๆ เช่น หอมใหญ่ กระเทียม พริกไทย ออริกาโน และน้ำมันมะกอก เพื่อเพิ่มรสชาติ ซอสเหล่านี้จะถูกเคี่ยวจนเข้มข้น แล้วจึงนำไปราดบนเส้นสปาเก็ตตี้ที่ต้มสุกแล้ว อาหารจานนี้มีความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก ด้วยความที่มีรสชาติอร่อยและสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมให้เหมาะสมตามความชอบของแต่ละบุคคลได้ นอกจากนี้ การปรุงซอสดังกล่าวยังสามารถเพิ่มเครื่องเทศหรือสมุนไพรอื่น ๆ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติที่แตกต่างกันอย่างลงตัวสำหรับผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารประเภทเส้น

โดยเฉลี่ยปริมาณ สปาเก็ตตี้ซอสหมู 1 จาน (250 กรัม) ให้พลังงาน

= 400 KCAL

(หรือคิดเป็น 160 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 จานประกอบด้วยไขมัน 15 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 135 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 21% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
สปาเก็ตตี้ซอสหมู

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
เส้นสปาเก็ตตี้ 30%
ซอสหมู 25%
น้ำมันมะกอก 15%
ชีส 10%
หอมใหญ่ 10%
กระเทียม 5%
แคลอรี่จากสปาเก็ตตี้ซอสหมูมาจากหลากหลายส่วนผสมโดยเส้นสปาเก็ตตี้เป็นองค์ประกอบหลักที่มีพลังงานมากที่สุด รองลงมาคือซอสหมู น้ำมันมะกอก ชีส หอมใหญ่ และกระเทียม ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้ร่วมกันทำให้เกิดรสชาติที่เข้มข้นและเป็นที่น่าลิ้มลอง

ปริมาณโซเดียมใน สปาเก็ตตี้ซอสหมู

เฉลี่ยใน 1 จาน
400 - 600
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม ปานกลาง
สปาเก็ตตี้ซอสหมู 1 จาน (250 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 400-600 มิลลิกรัม
คิดเป็น 20-30% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"สปาเก็ตตี้ซอสหมูมีโซเดียมในระดับปานกลางเนื่องจากเครื่องปรุงรสและซอสที่ใช้ อาจมีเกลือและส่วนผสมที่ให้รสเค็ม จึงควรพิจารณาปริมาณการบริโภคหากต้องการควบคุมโซเดียมในอาหาร"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน สปาเก็ตตี้ซอสหมู

ในสปาเก็ตตี้ซอสหมู 1 จาน มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามิน A 300.0 ไมโครกรัม 40% ซอสหมู
วิตามิน C 15.0 มิลลิกรัม 20% หอมใหญ่
แคลเซียม 250.0 มิลลิกรัม 25% ชีส
ธาตุเหล็ก 1.5 มิลลิกรัม 15% กระเทียม
โพแทสเซียม 350.0 ไมโครกรัม 10% ซอสหมู
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินสปาเก็ตตี้ซอสหมู 1 จาน ให้พลังงาน 400 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 1.3 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.7 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 0.8 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 0.8 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินสปาเก็ตตี้ซอสหมูให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. ควบคุมส่วนผสม ขอให้ร้านใส่ซอสและชีสในปริมาณที่น้อยลงซึ่งจะช่วยลดแคลอรี่อย่างมีนัยสำคัญ
  2. เลือกเส้นสุขภาพ ถามว่ามีเส้นที่ทำจากข้าวสาลีเต็มเมล็ดหรือไม่ เพื่อเพิ่มใยอาหารและลดแคลอรี่
  3. เสริมผัก ขอให้เพิ่มผักต่างๆ เช่น บรอกโคลีหรือผักโขม เพื่อเพิ่มปริมาณใยอาหารและวิตามิน
  4. เลือกน้ำมันที่ใช้ ถามว่าร้านใช้น้ำมันอะไรในการทำอาหาร น้ำมันมะกอกอาจจะช่วยให้สุขภาพดีกว่า
  5. ขอข้อมูลโภชนาการ ขอให้ร้านให้ข้อมูลโภชนาการอย่างคร่าวๆ เพื่อตรวจสอบปริมาณแคลอรี่ที่ต้องระวัง
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. เลือกเส้นที่ทำจากธัญพืชเต็มเมล็ด สามารถลดแคลอรี่และเพิ่มใยอาหารได้ดี
  2. ใช้เนื้อหมูไม่ติดมัน เปลี่ยนจากเนื้อหมูติดมันมาเป็นเนื้อที่มีไขมันต่ำหรือใช้เนื้อไก่แทน
  3. ลดปริมาณน้ำมันมะกอก ใช้น้ำมันมะกอกไม่เกินหนึ่งช้อนโต๊ะเพื่อปรุง
  4. เสริมด้วยผักสด เติมผักหลากสีเพื่อเพิ่มรสชาติและวิตามิน
  5. ใช้บลูชีสหรือชีสไขมันต่ำ เลือกใช้ชีสไขมันต่ำเพื่อลดแคลอรี่จากชีส
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: ผู้ที่แพ้อาหารควรระมัดระวังเมื่อบริโภคสปาเก็ตตี้ซอสหมู เนื่องจากอาจมีส่วนผสมที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ เช่น แป้งสาลี โปรตีนในเนื้อหมู หรือชีสที่เป็นแหล่งโปรตีนจากนม สปาเก็ตตี้อาจปรุงด้วยซอสที่มีเครื่องปรุงเช่นถั่วเหลือง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการแพ้ ควรตรวจสอบส่วนผสมในแต่ละจานให้แน่ใจว่าปลอดภัยต่อสุขภาพและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร
รู้หรือไม่? การลดแคลอรี่จากการทานสปาเก็ตตี้ซอสหมูสามารถทำได้โดยลดปริมาณซอสที่ใส่ หรือเลือกชนิดของเส้นที่มีแคลอรี่ต่ำ เช่น เส้นโฮลวีตหรือเส้นข้าวสาลีเต็มเมล็ด นอกจากนี้ ควรใช้เนื้อหมูที่มีไขมันน้อยหรือลดปริมาณชีสในการปรุงแต่งรสชาติ เพื่อให้ได้อาหารที่ยังคงอร่อยแต่แคลอรี่ต่ำลง

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
70
%
ระดับปานกลาง
กินแล้วอยู่ท้องปานกลาง

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
65
คะแนน
ระดับค่า GI สูง
ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มเร็ว

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
50
คะแนน
มีใยอาหารปานกลาง
หรือมีใยอาหารพอสมควร

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
120
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนปานกลาง
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ต้องระวัง

เป็นโรคเบาหวาน กินสปาเก็ตตี้ซอสหมูได้ไหม?

ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถบริโภคสปาเก็ตตี้ซอสหมูได้แต่ควรระมัดระวังเนื่องจากมีส่วนประกอบของแป้งและซอสที่มีปริมาณน้ำตาล ข้อแนะนำคือตรวจสอบปริมาณแคลอรี่และแป้งในจานอาหาร และควบคุมปริมาณการรับประทานให้เหมาะสม รับประทานพร้อมผักเพื่อช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด

เป็นโรคไต กินสปาเก็ตตี้ซอสหมูได้ไหม?

ผู้ป่วยโรคไตควรระมัดระวังในการบริโภคสปาเก็ตตี้ซอสหมู โดยเฉพาะในส่วนที่มีโซเดียมสูงจากซอสและเครื่องปรุง ควรเลือกใช้เนื้อหมูที่ไม่ผ่านการดองหรือแปรรูปเพื่อลดปริมาณโซเดียมในจานอาหาร ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเรื่องการบริโภคที่เหมาะสม

เป็นโรคหัวใจ กินสปาเก็ตตี้ซอสหมูได้ไหม?

สำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจ ควรระมัดระวังในเรื่องของไขมันและโซเดียมในสปาเก็ตตี้ซอสหมู การเลือกเส้นที่มีใยอาหารสูงใช้เนื้อที่มีไขมันน้อยและลดปริมาณชีสที่ใช้จะช่วยลดความเสี่ยงของการสะสมคอเลสเตอรอลและส่งผลดีต่อระบบการทำงานของหัวใจ

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินสปาเก็ตตี้ซอสหมูได้ไหม?

ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงควรรักษาความระมัดระวังในการบริโภคสปาเก็ตตี้ซอสหมู เพราะส่วนผสมของซอสอาจมีปริมาณโซเดียมที่สูง ผู้บริโภคควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเพื่อปรับสูตรอาหารให้เหมาะสมกับสุขภาพ

เป็นโรคเก๊าท์ กินสปาเก็ตตี้ซอสหมูได้ไหม?

สำหรับผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ สปาเก็ตตี้ซอสหมูอาจมีปริมาณพิวรีนในระดับปานกลางซึ่งอาจทำให้เกิดอาการกำเริบ ควรเลือกขนาดและปริมาณที่เหมาะสม ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมของอาหารในแผนโภชนาการ

เป็นโรคกระเพราะ กินสปาเก็ตตี้ซอสหมูได้ไหม?

ผู้ที่มีโรคกระเพาะสามารถบริโภคสปาเก็ตตี้ซอสหมูได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมรสเผ็ดหรือเปรี้ยวที่สามารถกระตุ้นอาการ ทานในปริมาณพอเหมาะ ดูแลการเลือกวัตถุดิบและวิธีปรุงอาหารที่ช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน