22 พฤศจิกายน 2567

แคลอรี่ใน ต้มแซ่บเนื้อ มีกี่ Kcal

ต้มแซ่บเนื้อ

ต้มแซ่บเนื้อ คือเมนูอาหารไทยที่มีรสชาติแซ่บเผ็ดร้อน โดยมีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อวัวที่นำมาต้มในน้ำซุปที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศหลากหลาย เช่น พริกขี้หนู ใบมะกรูด ตะไคร้ และข่า เพื่อเพิ่มรสชาติที่เข้มข้น น้ำซุปที่ได้จะมีรสอร่อยเผ็ด เค็ม เปรี้ยว ตามแบบฉบับของอาหารเหนือและอีสาน เมื่อเนื้อวัวถูกต้มจนเริ่มเปื่อย น้ำซุปจะซึมซาบเข้าสู่เนื้อ ทำให้มีรสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น ต้มแซ่บยังเป็นเมนูที่นิยมรับประทานคู่กับข้าวเจ้า หรือข้าวเหนียวตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานในร้านอาหารหรือทำเองที่บ้าน เมนูนี้ยังมีจุดเด่นที่ความสามารถในการปรับรสให้ตรงตามความชอบของผู้รับประทานได้อีกด้วย ทำให้ต้มแซ่บเนื้อเป็นเมนูที่มีความหลากหลายและเป็นที่นิยมในยุคสมัยนี้

โดยเฉลี่ยปริมาณ ต้มแซ่บเนื้อ 1 ถ้วย (200 กรัม) ให้พลังงาน

= 350 KCAL

(หรือคิดเป็น 175 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 ถ้วยประกอบด้วยไขมัน 15 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 135 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 21% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
หมายเหตุ: รวมน้ำซุป
ต้มแซ่บเนื้อ

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
เนื้อวัว 40%
น้ำซุป 25%
เครื่องปรุง 15%
พริกขี้หนู 10%
หอมแดง 5%
ข่า 3%
ใบมะกรูด 2%
เนื้อวัวเป็นส่วนที่ให้แคลอรี่มากที่สุดในต้มแซ่บเนื้อ เนื่องจากมีไขมันและโปรตีนสูง น้ำซุปที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศยังให้แคลอรี่อีกจำนวนหนึ่ง เครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซอสและเกลือก็มีผลในการเพิ่มพลังงาน พริกและหอมให้แคลอรี่น้อยกว่า แต่ยังเพิ่มรสชาติที่สำคัญเพื่อความอร่อย

ปริมาณโซเดียมใน ต้มแซ่บเนื้อ

เฉลี่ยใน 1 ถ้วย
800 - 1000
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม ค่อนข้างสูง
ต้มแซ่บเนื้อ 1 ถ้วย (200 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 800-1000 มิลลิกรัม
คิดเป็น 30-40% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"ปริมาณโซเดียมในต้มแซ่บเนื้อเกิดจากการใช้เครื่องปรุง เช่น เกลือและซอสถั่วเหลือง ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในการเติมรสชาติ ควรระมัดระวังในการบริโภคเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจากโซเดียมที่สูง"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน ต้มแซ่บเนื้อ

ในต้มแซ่บเนื้อ 1 ถ้วย มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามินซี 20.5 มิลลิกรัม 25% พริกขี้หนู
ธาตุเหล็ก 2.8 มิลลิกรัม 18% เนื้อวัว
แคลเซียม 45.0 มิลลิกรัม 5% ข่า
วิตามินเอ 210.0 ไมโครกรัม 30% ใบมะกรูด
โพแทสเซียม 400.0 มิลลิกรัม 10% เนื้อวัว
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินต้มแซ่บเนื้อ 1 ถ้วย ให้พลังงาน 350 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 1.2 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.6 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 0.7 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 0.7 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินต้มแซ่บเนื้อให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. เลือกสถานที่ เลือกร้านที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปราศจากไขมันส่วนเกิน
  2. สอบถามส่วนผสม ถามเรื่องเครื่องปรุงว่ามีน้ำตาลหรือเกลือสูงหรือไม่
  3. สั่งพิเศษ ขอให้นำไขมันออกจากเนื้อหรือขอซุปที่แยกต่างหาก
  4. ต่างจากเดิม ลดปริมาณเนื้อและเพิ่มผักมากขึ้นแทน
  5. ดื่มน้ำเยอะ ดื่มน้ำก่อนรับประทานเพื่อเพิ่มความรู้สึกอิ่ม
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. เลือกเนื้อวัวไร้ไขมัน เลือกใช้เนื้อวัวส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุดเพื่อช่วยลดแคลอรี่ที่ได้รับ
  2. ปรุงรสน้อยๆ ใช้เกลือหรือซอสที่มีโซเดียมต่ำแทนซอสปกติ และเพิ่มรสชาติจากเครื่องเทศแทน
  3. เพิ่มผัก ใส่ผักที่มีปริมาณแคลอรี่ต่ำหลายชนิด เช่น เซเลอรี่ ผักชีลาว เพื่อเพิ่มปริมาณไฟเบอร์
  4. ต้มอาหารไม่ทอด หลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำมันหรือการทอด เพียงแค่ต้มก็เพียงพอแล้ว
  5. ลดน้ำตาลทราย ลดการใช้น้ำตาลในซุปอย่างมากที่สุด หันไปใช้สมุนไพรหรือสารให้ความหวานทางเลือก
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: ต้มแซ่บเนื้ออาจมีส่วนประกอบที่ต้องระวังสำหรับผู้แพ้อาหาร เช่น เนื้อวัวที่อาจมีผลกระทบต่อคนที่แพ้โปรตีนหรือไขมันในเนื้อวัว ปริมาณของเครื่องปรุงในซุปอาจมีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น น้ำมันพืชหรือเครื่องเทศชนิดต่างๆ ถ้ามีการแพ้ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะด้าน นอกจากนี้ควรศึกษาส่วนประกอบเพิ่มเติมก่อนรับประทาน หรือพิจารณาเปลี่ยนส่วนประกอบตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
รู้หรือไม่? เพื่อลดแคลอรี่ในการรับประทานต้มแซ่บเนื้อ ควรปรับปริมาณเนื้อวัวโดยใช้ส่วนที่มีไขมันน้อย หรือเลือกบริโภคเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ให้มาต่อชาม นอกจากนี้ควรลดการใช้เครื่องปรุงที่มีน้ำตาลสูงและเลือกใช้เครื่องปรุงที่ไม่มีแคลอรี่หรือมีแคลอรี่น้อยลง การใช้พริกขี้หนูและเครื่องเทศเพียงพอในการเพิ่มรสเผ็ดจะช่วยลดความต้องการน้ำตาลได้อีกทางหนึ่ง

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
70
%
ระดับสูง
กินแล้วอยู่ท้องนาน

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
40
คะแนน
ระดับค่า GI ปานกลาง
น้ำตาลในเลือดเพิ่มปานกลาง

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
60
คะแนน
มีใยอาหารสูง
ช่วยควบคุมการย่อยได้ดี

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
70
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนปานกลาง
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ต้องระวัง

เป็นโรคเบาหวาน กินต้มแซ่บเนื้อได้ไหม?

แม้ว่าต้มแซ่บเนื้อจะมีโปรตีนและไฟเบอร์ที่ค่อนข้างสูง แต่เนื้อวัวและส่วนผสมบางอย่างอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นในบางกรณี ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะและเลือกส่วนผสมที่ไม่มีน้ำตาลหรือมีน้ำตาลน้อยที่สุด คนที่เป็นโรคเบาหวานควรสังเกตระดับน้ำตาลในเลือดของตนหลังจากทานอาหารชนิดนี้ และปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเสมอ

เป็นโรคไต กินต้มแซ่บเนื้อได้ไหม?

เนื้อต้มแซ่บมีปริมาณโซเดียมที่อาจสูงตามเครื่องปรุงรส คนที่เป็นโรคไตควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะและหลีกเลี่ยงการเพิ่มเกลือ หรือเครื่องปรุงที่มีโซเดียมสูง เพื่อป้องกันการประสบปัญหาการสะสมของโซเดียมที่อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงหรืออาการกำเริบของโรคไต

เป็นโรคหัวใจ กินต้มแซ่บเนื้อได้ไหม?

ต้มแซ่บเนื้อมีส่วนประกอบของไขมันอิ่มตัวจากเนื้อวัวและโซเดียมจากเครื่องปรุงรส ซึ่งอาจส่งผลต่อระดับโคเลสเตอรอลและความดันโลหิต คนที่มีโรคหัวใจควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะและเลือกส่วนผสมที่มีโซเดียมและไขมันต่ำเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจ

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินต้มแซ่บเนื้อได้ไหม?

เนื้อในต้มแซ่บมีโซเดียมสูงจากการใช้เครื่องปรุง ซึ่งอาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น น้ำซุปเค็มเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะและปล่อยให้เนื้อหรือผักเพิ่มเติมมีรสธรรมชาติมากขึ้นเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง

เป็นโรคเก๊าท์ กินต้มแซ่บเนื้อได้ไหม?

เนื้อวัวมีปริมาณพิวรีนสูงซึ่งอาจกระตุ้นอาการกำเริบของโรคเก๊าท์ ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะและพิจารณาลดการรับประทานร่วมกับอาหารอื่นที่มีพิวรีนสูง ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในการรับประทานอาหารในลักษณะนี้เพื่อป้องกันปัญหา

เป็นโรคกระเพราะ กินต้มแซ่บเนื้อได้ไหม?

ผู้ที่มีอาการโรคกระเพาะควรระวังการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดหรือรสเกิน เช่น ต้มแซ่บเนื้อซึ่งมีรสเปรี้ยวและเผ็ด ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะและอาจลดปริมาณเครื่องเทศหรือพริกในเมนูนี้เพื่อลดการกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน