23 พฤศจิกายน 2567

แคลอรี่ใน ผัดคะน้าหมูกรอบ มีกี่ Kcal

ผัดคะน้าหมูกรอบ

ผัดคะน้าหมูกรอบ คืออาหารจานเดียวที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย ประกอบด้วยคะน้าสดที่ผัดกับหมูกรอบ ซึ่งเป็นหมูที่มีการทอดให้กรอบตรงส่วนหนัง เพิ่มรสชาติด้วยซอสหรือน้ำปลา และกระเทียม วิธีการปรุงนั้นไม่ซับซ้อนและใช้เวลาน้อย จึงเป็นที่นิยมในการทำรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารมื้อหลัก การใช้หมูกรอบทำให้อาหารมีความกรุบกรอบเมื่อเคี้ยว ในขณะที่คะน้าก็ยังคงความกรอบอยู่จึงทำให้อาหารชนิดนี้มีคุณสมบัติที่ดึงดูดใจผู้บริโภคได้ดี นอกจากหมูกรอบและคะน้าแล้ว บางครั้งอาจมีการเสริมด้วยพริกหรือเครื่องเทศอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติให้โดดเด่นมากขึ้น จานนี้มักเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ เพื่อความอิ่มอร่อย

โดยเฉลี่ยปริมาณ ผัดคะน้าหมูกรอบ 1 จาน (350 กรัม) ให้พลังงาน

= 500 KCAL

(หรือคิดเป็น 143 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 จานประกอบด้วยไขมัน 35 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 315 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 50% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
ผัดคะน้าหมูกรอบ

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
หมูกรอบ 50%
น้ำมัน 20%
คะน้า 15%
ซอสหรือน้ำปลา 10%
กระเทียม 5%
ผัดคะน้าหมูกรอบมีแคลอรี่หลักมาจากหมูกรอบที่มีเนื้อสัตว์และหนังหมูที่ผสมผสานกัน ทำให้เมนูนี้มีพลังงานที่สูงสุดจากหมูกรอบ รองลงมาคือน้ำมันที่ใช้ในการผัด และคะน้าเป็นส่วนที่ให้แคลอรี่น้อยกว่า สุดท้ายแคลอรี่เล็กน้อยมาจากซอสหรือน้ำปลาและกระเทียม

ปริมาณโซเดียมใน ผัดคะน้าหมูกรอบ

เฉลี่ยใน 1 จาน
800 - 1000
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม สูง
ผัดคะน้าหมูกรอบ 1 จาน (350 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 800-1000 มิลลิกรัม
คิดเป็น 40-50% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"เหตุผลที่ผัดคะน้าหมูกรอบมีโซเดียมสูงเนื่องจากการเติมซอสหรือน้ำปลาที่เป็นองค์ประกอบหลักในการปรุงรสอาหาร ทำให้มีปริมาณโซเดียมสูงกว่าที่เราควรบริโภคในมื้อหนึ่ง"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน ผัดคะน้าหมูกรอบ

ในผัดคะน้าหมูกรอบ 1 จาน มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามินซี 60.0 มิลลิกรัม 80% คะน้า
ธาตุเหล็ก 2.0 มิลลิกรัม 15% คะน้า
แคลเซียม 100.0 มิลลิกรัม 10% คะน้า
วิตามินเอ 1500.0 ไมโครกรัม 50% คะน้า
โพแทสเซียม 350.0 มิลลิกรัม 7% คะน้า
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินผัดคะน้าหมูกรอบ 1 จาน ให้พลังงาน 500 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 1.7 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.8 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 1.0 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 1.0 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินผัดคะน้าหมูกรอบให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. เลือกหมูไม่ติดมัน ให้เลือกหมูที่ไม่มีมันเยอะเพื่อลดแคลอรี่
  2. ควบคุมน้ำมัน ขอให้ร้านใช้น้ำมันน้อยลงในการผัดเพื่อลดไขมัน
  3. เลือกซอสปรุงรสที่มีโซเดียมต่ำ เพื่อควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหาร
  4. เพิ่มผัก เพิ่มปริมาณคะน้าให้มากกว่าเนื้อหมู
  5. เสิร์ฟร่วมกับข้าวกล้อง เพื่อลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่มีดัชนีน้ำตาลสูง
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. ใช้หมูเนื้อแดง แทนหมูกรอบเพื่อลดปริมาณไขมัน
  2. ใช้น้ำมันมะกอก แทนการใช้น้ำมันพืชทั่วไป
  3. ลดซอสปรุงรส ใช้กระเทียมและพริกเพิ่มรสชาติแทน
  4. ผัดด้วยน้ำ ลดการใช้น้ำมันด้วยการผัดในน้ำเล็กน้อย
  5. เพิ่มผัก ใส่ผักเพิ่มมากขึ้นเพื่อลดสัดส่วนของหมู
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: ผัดคะน้าหมูกรอบสามารถมีส่วนประกอบที่เป็นปัญหาสำหรับคนที่แพ้อาหาร โดยเฉพาะถ้ามีการใช้น้ำปลาเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งอาจมีสารที่คล้ายกลูเตน หรือส่วนผสมที่ผสมอยู่ในซอส ถ้ามีการเพิ่มพริกหรือเครื่องเทศเพิ่มเติม ให้ระวังการแพ้พริกหรือเครื่องเทศที่บางคนอาจจะรู้สึกไม่สบายตัวจากการบริโภคได้ สำหรับผู้ที่แพ้กระเทียม ควรระวังในการบริโภคเช่นกัน
รู้หรือไม่? เพื่อให้แคลอรี่ที่ได้รับจากการกินผัดคะน้าหมูกรอบลดลง ควรใช้หมูที่มีไขมันน้อยหรือไม่ใช้หมูกรอบเลย ใช้น้ำมันน้อยในกระบวนการผัด เลือกใช้น้ำซุปหรือน้ำเปล่าผัดผสมแทนซอสที่มีเกลือสูง และเพิ่มปริมาณคะน้าให้มากขึ้นเพื่อลดสัดส่วนของหมูในจาน

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
70
%
ระดับสูง
กินแล้วอยู่ท้องนาน

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
60
คะแนน
ระดับค่า GI ปานกลาง
น้ำตาลในเลือดเพิ่มปานกลาง

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
40
คะแนน
มีใยอาหารปานกลาง
หรือมีใยอาหารพอสมควร

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
30
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนต่ำ
สำหรับควบคุมกรดยูริก

เป็นโรคเบาหวาน กินผัดคะน้าหมูกรอบได้ไหม?

การบริโภคผัดคะน้าหมูกรอบสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานควรระมัดระวังเนื่องจากมีปริมาณแคลอรี่และไขมันจากหมูกรอบที่สูง แต่ถ้าบริโภคโดยการควบคุมปริมาณที่เหมาะสม เช่น เลือกใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่หรือข้าวกล้องแทนข้าวขาวและเพิ่มผักคะน้ามากขึ้นเพื่อลดปริมาณน้ำตาลที่เข้าสู่กระแสเลือดในทันที ก็จะช่วยให้สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น

เป็นโรคไต กินผัดคะน้าหมูกรอบได้ไหม?

เนื่องจากผัดคะน้าหมูกรอบมีปริมาณโซเดียมที่ค่อนข้างสูงจากการใช้น้ำปลาและซอสต่างๆ จึงควรระมัดระวังสำหรับผู้ป่วยโรคไตในการบริโภคอาหารประเภทนี้ โดยควรเลือกใช้ซอสที่มีปริมาณเกลือต่ำหรือปรุงรสให้น้อยลง เพื่อป้องกันภาวะเกลือแร่สะสมในร่างกายมากเกินไป

เป็นโรคหัวใจ กินผัดคะน้าหมูกรอบได้ไหม?

การบริโภคผัดคะน้าหมูกรอบสำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจจำเป็นต้องระวังการบริโภคเนื่องจากเรื่องไขมันและโซเดียมที่สูงจากหมูกรอบและซอสปรุงรส เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันเลวในหลอดเลือด ผู้บริโภคควรจัดสรรปริมาณและความถี่ในการรับประทานอย่างระมัดระวัง

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินผัดคะน้าหมูกรอบได้ไหม?

ผัดคะน้าหมูกรอบมีปริมาณโซเดียมสูงจากการใช้น้ำปลาและซอสปรุงรส การบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง อาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ จึงควรปรับปรุงรสชาติโดยลดปริมาณซอสลง หรือเลือกซอสที่ไม่มีโซเดียมเพื่อความปลอดภัยในการบริโภค

เป็นโรคเก๊าท์ กินผัดคะน้าหมูกรอบได้ไหม?

ผัดคะน้าหมูกรอบมีปริมาณพิวรีนต่ำ แต่เนื่องจากมีหมูกรอบซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่มีไขมันสูง ซึ่งอาจกระตุ้นการสะสมของกรดยูริกในร่างกาย ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ควรบริโภคในปริมาณที่พอดีและไม่ควรบริโภคบ่อยเกินไป

เป็นโรคกระเพราะ กินผัดคะน้าหมูกรอบได้ไหม?

สำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคกระเพาะอาหาร การบริโภคผัดคะน้าหมูกรอบถือว่าสามารถทำได้แต่ควรเลือกวิธีการปรุงที่ลดไขมัน เช่น ใช้น้ำมันที่มีไขมันต่ำ และหลีกเลี่ยงรสชาติที่เข้มจัดเกินไป นอกจากนี้การเลือกใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่แทนข้าวขาวยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากโรคกระเพาะอาหารได้

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน