22 มกราคม 2568

แมกนีเซียม (Magnesium) แร่ธาตุจำเป็น เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย

แมกนีเซียม (Magnesium)
สรุปโดยย่อ: แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทหลากหลายในกระบวนการทางสรีรวิทยา การดูแลให้ร่างกายได้รับแมกนีเซียมอย่างเพียงพอจากอาหาร เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพในระยะยาว การเพิ่มผักใบเขียว ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่วในมื้ออาหารเป็นประจำจะช่วยรักษาสมดุลของแมกนีเซียมในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารบัญเนื้อหา

แมกนีเซียม (Magnesium) คือแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทำงานของร่างกายหลายประการ โดยเฉพาะระบบกล้ามเนื้อ ระบบประสาท กระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งภายในร่างกายมนุษย์จะมีแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 20-25 กรัม โดยแบ่งเป็นในโครงสร้างกระดูก 70% และอีก 30% ที่เหลือพบอยู่ในบริเวณเนื้อเยื่อต่างๆ หรือในระบบไหลเวียนเลือด

โดยปกติแล้ว ร่างกายจะได้รับแมกนีเซียม จากการรับประทานอาหาร แต่เนื่องจากในอาหารทั่วไปนั้นมีปริมาณแมกนีเซียมค่อนข้างน้อย ทำให้หลายคนที่อยู่ในภาวะขาดแมกนีเซียม จำเป็นต้องเลือกรับประทานจากแหล่งที่ให้แมกนีเซียมโดยตรง เช่น อาหารทะเลจำพวกปลาและหอย ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดธัญพืญ ผักสีเขียวเข้ม กล้วย และมะเดื่อฝรั่ง เป็นต้น จึงจะทำให้ร่างกายมีปริมาณแมกนีเซียมอย่างเพียงพอ

ปริมาณแมกนีเซียมที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับใน 1 วัน

  • ผู้ชายอายุน้อยกว่า 30 ปี ควรได้รับ 400 มิลลิกรัม
  • ผู้หญิงอายุน้อยกว่า 30 ปี ควรได้รับ 310 มิลลิกรัม
  • ผู้ชายอายุมากกว่า 30 ปี ควรได้รับ 420 มิลลิกรัม
  • ผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปี ควรได้รับ 320 มิลลิกรัม

หากร่างกายขาดแมกนีเซียม จะมีผลเสียอะไรบ้าง

ร่างกายหากขาดแมกนีเซียมในปริมาณที่เพียงพอก็จะทำให้ประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันลดลง ระบบกล้ามเนื้อและระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ อีกทั้งยังทำให้ระบบประสาทบางส่วนถูกทำลาย มวลกระดูกมีความเปราะบางและอ่อนลงจนไม่สามารถรับน้ำหนักได้ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาขับปัสสาวะ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณแมกนีเซียมน้อยลง อีกทั้งคนผิวแพ้ง่าย ก็มักจะมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายขาดแมกนีเซียม ทำให้การแบ่งเซลล์ทำงานได้อย่างไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เกราะป้องกันผิวแย่ลงไปตามด้วย

เมล็ดฟักทอง มีแมกนีเซียมสูง
เมล็ดฟักทอง มีแมกนีเซียมสูง

ประโยชน์ของแมกนีเซียม

ประโยชน์ของแมกนีเซียมที่ร่างกายได้รับ มีดังต่อไปนี้

  • ช่วยควบคุมสมดุลของแคลเซียมในกระดูกและเลือด
  • ป้องกันไม่ให้แคลเซียมเกาะตามเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ มากเกินไป
  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดและหัวใจ ป้องกันหัวใจวายเฉียบพลัน
  • ลดความดันโลหิตและป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
  • กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย
  • ช่วยลดความรุนแรงอาการเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
  • ช่วยป้องกันการสะสมแคลเซียมภายในร่างกาย ป้องกันโรคนิ่วในไต และโรคนิ่วในถุงน้ำดี
  • ลดอาการซึมเศร้า บรรเทาอาการปวดไมเกรน
  • ช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหดเกร็งบริเวณต่างๆ
  • บำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
  • บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย
  • ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไม่ดีภายในร่างกาย
  • ป้องกันการคลอดก่อนกำหนดในคุณแม่ตั้งครรภ์
  • ช่วยในการผลิตฮอร์โมนสำคัญต่อร่างกายหลายชนิด
  • กระตุ้นการทำงานของวิตามินบี ซี และอี
  • ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายและคลายความหนาว เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็น

หน้าที่ของแมกนีเซียมในร่างกาย

แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกาย ตั้งแต่การเผาผลาญพลังงาน การทำงานของระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาท แมกนีเซียมทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ที่ช่วยเร่งปฏิกิริยาทางเคมีมากกว่า 300 ชนิดในร่างกาย

1. การเผาผลาญพลังงาน

แมกนีเซียมมีส่วนสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงานจากอาหาร โดยเป็นส่วนประกอบของกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการผลิต ATP ซึ่งเป็นหน่วยพลังงานหลักของร่างกาย กระบวนการเผาผลาญนี้สำคัญมากในการเสริมสร้างพลังงานให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

2. การทำงานของระบบกล้ามเนื้อ และประสาท

แมกนีเซียมช่วยในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยช่วยให้กล้ามเนื้อสามารถผ่อนคลายได้หลังจากการหดตัว ซึ่งสำคัญมากสำหรับการทำงานของหัวใจ และกล้ามเนื้อทั่วไป แมกนีเซียมยังช่วยส่งสัญญาณประสาทได้อย่างแม่นยำ การขาดแมกนีเซียมอาจทำให้ระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาททำงานผิดปกติ

อาหารชนิดใดบ้างที่มีปริมาณแมกนีเซียมสูง

การได้รับแมกนีเซียมจากอาหารเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาระดับแมกนีเซียมในร่างกาย อาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมส่วนมากเป็นอาหารจากพืช เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่วชนิดต่าง ๆ การบริโภคอาหารเหล่านี้เป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายได้รับปริมาณแมกนีเซียมที่เพียงพอ

1. เมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทองจัดเป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับผู้ที่ขาดแมกนีเซียม เพราะมีปริมาณแมกนีเซียมค่อนข้างสูง ซึ่งสูงกว่าเนื้อฟักทองที่บริโภคโดยทั่วไป โดยในเมล็ดฟักทองครึ่งถ้วย ปริมาณ 59 กรัม มีแมกนีเซียมมากถึง 325 มิลลิกรัม

2. ผักโขม ผักใบเขียว

ผักโขมหรือผักใบเขียวเข้ม มักจะมีปริมาณแมกนีเซียมสูงมากกว่าผักชนิดอื่นๆ โดยผักโขมต้มสุก 1 ถ้วยตวงในปริมาณ 180 กรัม จะมีธาตุแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 157 มิลลิกรัม

3. ถั่วเหลือง และเมล็ดพืช

ถั่วเหลืองหรืออาหารตระกูลถั่ว จัดเป็นหนึ่งในอาหารที่มีปริมาณแมกนีเซียมสูง โดยผู้บริโภคจะได้รับแมกนีเซียมมากถึง 148 มิลลิกรัม จากการรับประทานถั่วเหลือต้มสุก 1 ถ้วยปริมาณ 172 กรัม

4. ควินัว หรือธัญพืชเต็มเมล็ด

ธัญพืชอีกหนึ่งอาหารเพื่อสุขภาพที่นอกจากจะมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณมากแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งชั้นดีของแมกนีเซียมอีกด้วย โดยควินัวหุงสุก 1 ถ้วยปริมาณ 195 กรัม มีธาตุแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 118 มิลลิกรัม

5. ดาร์กช็อกโกแลต

ใครจะไปคิดว่าอาหารทานเล่นอย่างดาร์กช็อกโกแลตก็จะมีปริมาณแมกนีเซียมสูงด้วยเช่นกัน โดยดาร์กช็อกโกแลต 1 ชิ้นสี่เหลี่ยมปริมาณ 29 กรัม มีแมกนีเซียมมากถึง 95 มิลลิกรัม

6. ปลาทู

อาหารที่สามารถหารับประทานได้ทั่วไป และมีราคาถูก แต่มีแมกนีเซียมในระดับที่เพียงพอต่อร่างกายมากทีเดียว โดยในปลาทู 85 กรัม มีแมกนีเซียมอยู่ราวๆ 82 มิลลิกรัม

ตารางอาหารที่มีแมกนีเซียม

ชื่ออาหาร หน่วยบริโภค แมกนีเซียมใน 1 หน่วย สัดส่วนของแมกนีเซียม
เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) 168 มิลลิกรัม สูง
ผักโขม 1 ถ้วย (190 กรัม) 157 มิลลิกรัม สูง
เมล็ดเจีย 1 ออนซ์ (28 กรัม) 148 มิลลิกรัม สูง
อัลมอนด์ 1 ออนซ์ (28 กรัม) 80 มิลลิกรัม สูง
ถั่วดำ 1 ถ้วย (172 กรัม) 120 มิลลิกรัม สูง
ควินัว 1 ถ้วย (185 กรัม) 118 มิลลิกรัม สูง
ข้าวกล้อง 1 ถ้วย (195 กรัม) 84 มิลลิกรัม กลาง
นมถั่วเหลือง 1 ถ้วย (245 กรัม) 61 มิลลิกรัม กลาง
กล้วย 1 ลูก (118 กรัม) 32 มิลลิกรัม ต่ำ
ปลาแซลมอน 3 ออนซ์ (85 กรัม) 26 มิลลิกรัม ต่ำ
ถั่วพิสตาชิโอ 1 ออนซ์ (28 กรัม) 121 มิลลิกรัม สูง
อะโวคาโด 1 ลูก (150 กรัม) 58 มิลลิกรัม กลาง
น้ำมะพร้าว 1 ถ้วย (240 มิลลิลิตร) 60 มิลลิกรัม กลาง
บร็อคโคลี่ 1 ถ้วย (156 กรัม) 39 มิลลิกรัม ต่ำ
เมล็ดทานตะวัน 1 ออนซ์ (28 กรัม) 99 มิลลิกรัม กลาง
ถั่วแดง 1 ถ้วย (177 กรัม) 83 มิลลิกรัม กลาง
ผักกวางตุ้ง 1 ถ้วย (170 กรัม) 20 มิลลิกรัม ต่ำ
แอปเปิ้ล 1 ลูก (182 กรัม) 9 มิลลิกรัม ต่ำ
สตรอว์เบอร์รี 1 ถ้วย (152 กรัม) 19 มิลลิกรัม ต่ำ
เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ (32 กรัม) 49 มิลลิกรัม กลาง
ถั่วลิสง 1 ออนซ์ (28 กรัม) 50 มิลลิกรัม กลาง
มะม่วง 1 ลูก (336 กรัม) 30 มิลลิกรัม ต่ำ
ไข่ต้ม 1 ฟอง (50 กรัม) 5 มิลลิกรัม ต่ำ
องุ่น 1 ถ้วย (151 กรัม) 10 มิลลิกรัม ต่ำ
แตงโม 1 ถ้วย (152 กรัม) 15 มิลลิกรัม ต่ำ
ถั่วลันเตา 1 ถ้วย (160 กรัม) 62 มิลลิกรัม กลาง
ถั่วเขียว 1 ถ้วย (202 กรัม) 97 มิลลิกรัม กลาง
ถั่วพินโต 1 ถ้วย (171 กรัม) 85 มิลลิกรัม กลาง
ผักกาดหอม 1 ถ้วย (47 กรัม) 7 มิลลิกรัม ต่ำ
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ออนซ์ (28 กรัม) 83 มิลลิกรัม กลาง
ถั่วเหลือง 1 ถ้วย (172 กรัม) 148 มิลลิกรัม สูง
ถั่วขาว 1 ถ้วย (179 กรัม) 113 มิลลิกรัม สูง
ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย (156 กรัม) 57 มิลลิกรัม กลาง
บล็อกโคลี 1 ถ้วย (150 กรัม) 40 มิลลิกรัม ต่ำ
กีวี 1 ลูก (69 กรัม) 17 มิลลิกรัม ต่ำ
มะเขือเทศ 1 ลูก (123 กรัม) 11 มิลลิกรัม ต่ำ
แครอท 1 ถ้วย (128 กรัม) 12 มิลลิกรัม ต่ำ
กะหล่ำปลี 1 ถ้วย (89 กรัม) 11 มิลลิกรัม ต่ำ
ผักบุ้ง 1 ถ้วย (56 กรัม) 13 มิลลิกรัม ต่ำ
กระเทียม 1 กลีบ (3 กรัม) 2 มิลลิกรัม ต่ำ
ขิง 1 ช้อนชา (2 กรัม) 1 มิลลิกรัม ต่ำ
เชอร์รี่ 1 ถ้วย (138 กรัม) 15 มิลลิกรัม ต่ำ
ข้าวสาลี 1 ถ้วย (194 กรัม) 160 มิลลิกรัม สูง
ข้าวโพด 1 ถ้วย (166 กรัม) 30 มิลลิกรัม ต่ำ
พริกหวาน 1 ถ้วย (92 กรัม) 10 มิลลิกรัม ต่ำ
มันฝรั่ง 1 ลูก (213 กรัม) 50 มิลลิกรัม กลาง
บีทรูท 1 ถ้วย (136 กรัม) 31 มิลลิกรัม ต่ำ
แอพริคอต 1 ลูก (35 กรัม) 3 มิลลิกรัม ต่ำ

ควรบริโภคแมกนีเซียมในปริมาณที่เหมาะสม

ปริมาณแมกนีเซียมที่แนะนำให้บริโภคต่อวันขึ้นอยู่กับอายุ และเพศ โดยผู้ใหญ่ทั่วไปควรบริโภคแมกนีเซียมประมาณ 310-420 มิลลิกรัมต่อวัน ปริมาณนี้สามารถได้รับจากการรับประทานอาหารหลากหลายที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม เช่น การเพิ่มผักใบเขียว ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ดลงในมื้ออาหารเป็นประจำ

การรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมเป็นประจำ สามารถช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล และป้องกันการขาดแร่ธาตุนี้ได้ อย่างไรก็ตาม การบริโภคแมกนีเซียมเกินความต้องการอาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย ดังนั้น ควรเลือกบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

เทคนิคเพิ่มแมกนีเซียมในอาหารประจำวัน

การเพิ่มแมกนีเซียมในอาหารไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้ง่ายโดยเพิ่มอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงลงในมื้ออาหารประจำวัน

  1. เพิ่มผักใบเขียวในมื้ออาหาร: ผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักคะน้า และผักปวยเล้ง อุดมไปด้วยแมกนีเซียม การบริโภคผักเหล่านี้ในมื้ออาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า กลางวัน หรือเย็น จะช่วยเพิ่มปริมาณแมกนีเซียมในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. รับประทานธัญพืชเต็มเมล็ดแทนการขัดสี: ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และข้าวบาร์เลย์ มีแมกนีเซียมสูงมากกว่าธัญพืชที่ผ่านการขัดสี การเปลี่ยนจากการบริโภคข้าวขัดขาวเป็นข้าวกล้อง หรือการเลือกข้าวโอ๊ตแทนซีเรียลชนิดอื่นจะช่วยเสริมปริมาณแมกนีเซียมในร่างกายได้มากขึ้น
  3. บริโภคถั่วชนิดต่าง ๆ และเมล็ดพืช: ถั่วอัลมอนด์ ถั่วพิสตาชิโอ เมล็ดฟักทอง และเมล็ดเจีย เป็นแหล่งของแมกนีเซียมที่ดี การเพิ่มถั่วเหล่านี้เป็นของว่าง หรือโรยลงในอาหาร เช่น สลัด จะช่วยเพิ่มการบริโภคแมกนีเซียมอย่างเป็นธรรมชาติ
  4. เลือกบริโภคผลไม้ที่มีแมกนีเซียม: ผลไม้บางชนิด เช่น กล้วย และอะโวคาโด มีแมกนีเซียมในปริมาณที่พอเหมาะ การเพิ่มผลไม้เหล่านี้ในมื้ออาหาร หรือการรับประทานเป็นของว่างระหว่างวันจะช่วยให้ร่างกายได้รับแมกนีเซียมในปริมาณที่เพียงพอ
  5. เสริมด้วยเครื่องดื่มที่มีแมกนีเซียม: น้ำมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มที่มีแมกนีเซียมในปริมาณที่เหมาะสม การเลือกดื่มน้ำมะพร้าวแทนน้ำอัดลม หรือน้ำหวานจะช่วยให้ร่างกายได้รับแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มแคลอรีมากเกินไป
  6. ใช้เมล็ดพืชในอาหารว่างและขนม: การโรยเมล็ดพืช เช่น เมล็ดฟักทอง หรือเมล็ดเจียลงบนโยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต หรือซีเรียล เป็นอีกวิธีที่ง่ายในการเพิ่มแมกนีเซียมในมื้ออาหารเช้า หรืออาหารว่าง

การเลือกอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงเหล่านี้ในแต่ละวัน และบริโภคเป็นประจำในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว

ความสำคัญของแมกนีเซียมกับสารอาหารอื่น

แมกนีเซียมทำงานร่วมกับสารอาหารอื่น ๆ ในการเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย เช่น การทำงานร่วมกันกับแคลเซียมในการเสริมสร้างกระดูก และการทำงานร่วมกับโพแทสเซียมในการควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกาย สารอาหารเหล่านี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพของกันและกัน ดังนั้น การรับประทานอาหารที่มีความหลากหลายจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน

ข้อควรระวังในการบริโภคแมกนีเซียมเสริม

การเลือกใช้แมกนีเซียมในรูปแบบอาหารเสริมควรทำด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าการเสริมแมกนีเซียมจะมีประโยชน์ในบางกรณี การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ การบริโภคแมกนีเซียมจากอาหารธรรมชาติมักเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากจะมีโอกาสเกิดการสะสมเกินจำกัดในร่างกายได้น้อยกว่า

แมกนีเซียมถือเป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร เพราะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนเป็นพลังงาน ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีควรเลือกรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมในปริมาณทีเพียงพอ นอกจากจะดีต่อการลดความอ้วนแล้ว ยังส่งผลดีต่อร่างกายในด้านอื่นๆ ด้วย

แหล่งอ้างอิง/งานวิจัย

  • เรื่อง: The role of magnesium in the pathophysiology of disease • เขียนโดย: Forrest H. Nielsen - 2010
  • เรื่อง: Magnesium and Human Health: Perspectives and Research Directions • เขียนโดย: André B. M. Reis - 2017

รู้หรือไม่?

แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และนอนหลับได้ดีขึ้น นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังช่วยควบคุมการทำงานของสารเคมีในสมอง เช่น การผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับ การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม เช่น ผักใบเขียว ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ดในมื้อเย็น หรือการดื่มน้ำมะพร้าวก่อนนอน จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและนอนหลับได้ลึกขึ้น

เรื่องแนะนำ

บทความแนะนำ