น้ำมันมะกอก (Olive Oil) คือไขมันที่ได้จากผลมะกอก โดยผ่านกระบวนการสกัดด้วยการบีบ แยกเนื้อ แยกน้ำ ถ่ายลงภาชนะ จากนั้นแยกน้ำมันโดยการใช้เครื่องปั่นและกรอง เพื่อให้ได้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ที่เหมาะในการนำมาปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ โดยสรรพคุณของน้ำมันมะกอกนั้นก็อุดมไปด้วยวิตามินมินเอและเบต้าแคโรทีนที่สามารถช่วยป้องกันโรคผิวหนัง ลดรอยเหี่ยวย่นของผิวพรรณได้ นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในร่างกาย ช่วยยับยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกายได้
น้ำมันมะกอกได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในด้านอาหาร และการดูแลสุขภาพ สารอาหารต่างๆ ที่พบในน้ำมันมะกอกทำให้มันเป็นส่วนสำคัญในอาหารหลากหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การเลือกใช้น้ำมันมะกอกอย่างเหมาะสมสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับการบริโภคในแต่ละวันได้เป็นอย่างมาก
ประเภทของน้ำมันมะกอกที่นำมาใช้ทำอาหาร
น้ำมันมะกอกที่วางขายตามท้องตลาดนั้น มีให้ผู้บริโภคได้เลือกรับประทานมากมายหลายชนิด โดยสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่ใหญ่ๆ ได้ 5 ประเภท ดังนี้
1. Virgin Olive Oil
Virgin Olive Oil จัดเป็นน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ที่ได้รับการสกัดจากผลมะกอกโดยตรง เหมาะสำหรับการทำพาสต้าซอส, ทำน้ำสลัด น้ำมันมะกอกชนิดนี้มีราคาที่ถูกกว่าน้ำมันมะกอกประเภทอื่นๆ จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
2. Extra Virgin Oil
Extra Virgin Oil น้ำมันมะกอกที่ผ่านการสกัดเย็น มีสีเขียวเข้ม รสชาติเหมือนผลมะกอก ถือเป็นน้ำมันมะกอกชนิดที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด และมีราคาสูงมากอีกด้วย เหมาะสำหรับการนำมาทำซอสพอสต้า, น้ำสลัด และปรุงอาหารบางชนิดที่ไม่ผ่านความร้อน หากนำไปใช้ในกรรมวิธีที่ผ่านความร้อน เช่น ทอด หรือผัด อาจจะแปรสภาพกลายเป็นสารก่อมะเร็งได้
3. Pure Olive Oil
Pure Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกชนิดที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอกที่กลั่นแล้ว กับน้ำมันมะกอก Virgin Olive Oil เหมาะสำหรับการผัด ทอดระยะเวลาสั้นๆ เช่น ผัดผัก ข้าวผัด ไข่เจียว หรือไข่ดาว เป็นต้น
4. Olive Pomace Oil
Olive Pomace Oil เป็นน้ำมันกากมะกอกที่เหมาะสำหรับการนำมาทอดอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูง โดยเป็นน้ำมันที่ได้มาจากการสกัดน้ำมันจากกากมะกอก ผ่านกระบวนการทางเคมีและความร้อน ถือเป็นน้ำมันมะกอกที่มีคุณภาพน้อยที่สุดในกลุ่มน้ำมันมะกอกด้วยกัน
5. Refined Olive Oil
Refined Olive Oil น้ำมันมะกอกชนิดนี้เหมาะกรรมวิธีการทำอาหารโดยการทอดนานๆ เช่น ทอดน่องไก่ ทอดไส้กรอก ทอดปลา โดยมีการสกัด กลิ่น สี และรสออกไป ส่งผลให้สารอาหารที่มีอยู่ภายในน้ำมันมะกอกนั้นถูกสกัดออกไปจนหมดด้วย ซึ่งทำให้น้ำมันมะกอกชนิดนี้มีราคาที่ค่อนข้างถูก หากเทียบกับน้ำมันมะกอกชนิดอื่นๆ
ตารางแสดงความแตกต่างของชนิดน้ำมันมะกอก
ชนิดของน้ำมันมะกอก | กระบวนการสกัด | ความบริสุทธิ์ | รสชาติ | การใช้งานที่เหมาะสม |
---|---|---|---|---|
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ (Extra Virgin) | สกัดเย็นโดยไม่ใช้สารเคมี | สูงสุด | หอมหวาน รสเข้ม | ใช้ในสลัด หรืออาหารที่ไม่ต้องผ่านความร้อนสูง |
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Virgin) | สกัดด้วยกระบวนการทางกล | สูง แต่ต่ำกว่าบริสุทธิ์พิเศษ | รสนุ่มกว่า | ใช้ในการทำอาหารทั่วไป เช่น ผัดหรือทอดเบาๆ |
น้ำมันมะกอกปกติ (Olive Oil) | ผสมระหว่างสกัดกลและสารเคมี | ปานกลาง | รสอ่อน | ใช้ในการทอดหรือผัดด้วยอุณหภูมิสูง |
น้ำมันมะกอกชนิดเบา (Light Olive Oil) | ผ่านการกรองและสกัดหลายครั้ง | ต่ำสุด | ไม่มีรสชาติชัดเจน | เหมาะกับการทอดในอุณหภูมิสูง |
น้ำมันมะกอกแบบกลั่น (Refined Olive Oil) | ผ่านกระบวนการสกัดด้วยความร้อนและสารเคมี | ต่ำ | รสชาติอ่อนมาก | เหมาะกับการปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูง |
น้ำมันมะกอกผสม (Blended Olive Oil) | ผสมน้ำมันมะกอกหลายชนิดเข้าด้วยกัน | ปานกลาง | ขึ้นอยู่กับส่วนผสม | ใช้ในอาหารทั่วไป เช่น ผัด หรือทำซอส |
น้ำมันมะกอกชนิดพิเศษสำหรับเด็ก (Extra Mild Olive Oil) | ผ่านการสกัดเพื่อให้ได้รสชาติอ่อนมาก | สูง แต่รสชาติอ่อน | อ่อนและกลิ่นน้อย | เหมาะสำหรับอาหารเด็กหรือผู้ที่ไม่ชอบรสชาติน้ำมันมะกอกที่เข้มข้น |
น้ำมันมะกอกสกัดเย็นครั้งแรก (First Cold Pressed) | สกัดเย็นครั้งแรกจากผลมะกอก | สูงสุด | รสชาติเข้มและหอม | ใช้ในอาหารสดหรือปรุงแต่งอาหารที่ไม่ต้องผ่านความร้อน |
น้ำมันมะกอกออร์แกนิก (Organic Olive Oil) | ผลิตจากมะกอกที่ปลูกแบบออร์แกนิก | สูง | รสชาติตามธรรมชาติ | เหมาะสำหรับการบริโภคที่เน้นสุขภาพและความบริสุทธิ์ |
น้ำมันมะกอกสำหรับใช้ปรุงอาหาร (Cooking Olive Oil) | ผ่านการปรับปรุงให้ทนต่อความร้อน | ปานกลาง | รสชาติอ่อน | เหมาะสำหรับการผัดและทอดทั่วไป |
น้ำมันมะกอกแต่ละประเภทนั้น มีคุณค่าของสารอาหารที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงมีราคาที่แตกต่างด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากต้องการนำเอาน้ำมันมะกอกมาใช้ปรุงหรือทำอาหาร ควรเลือกพิจารณาจากความเหมาะสมในอาหารประเภทนั้นๆ และคำนึงถึงสารอาหารที่ต้องการได้รับเป็นหลัก เพื่อให้ร่างกายได้คุณประโยชน์จากน้ำมันมะกอกอย่างเพียงพอ
สารอาหารที่สำคัญในน้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย แต่ละสารอาหารมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย
1. กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fats)
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเป็นองค์ประกอบหลักของน้ำมันมะกอก โดยเฉพาะกรดโอเลอิก (Oleic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติทนความร้อนได้ดี และเป็นไขมันที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของร่างกาย การบริโภคไขมันชนิดนี้สามารถช่วยในการปรับสมดุลการบริโภคไขมันโดยรวม ทำให้น้ำมันมะกอกเป็นทางเลือกที่ดีในการทำอาหาร
2. วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอีในน้ำมันมะกอกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายจากสารอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ วิตามินอียังมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพของผิวพรรณและช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
3. โพลีฟีนอล (Polyphenols)
โพลีฟีนอลเป็นสารประกอบทางธรรมชาติที่พบในน้ำมันมะกอก โดยเฉพาะในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ โพลีฟีนอลมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันในร่างกาย และลดการสะสมของสารอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อเซลล์
4. ไฟโตสเตอรอล (Phytosterols)
ไฟโตสเตอรอลในน้ำมันมะกอกช่วยในการลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากอาหารที่บริโภค ทำให้ร่างกายสามารถควบคุมระดับไขมันในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประโยชน์จากการใช้น้ำมันมะกอกในอาหาร
น้ำมันมะกอกไม่เพียงแต่เป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ แต่ยังเป็นส่วนประกอบที่เพิ่มรสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการให้อาหารต่างๆ เมื่อใช้อย่างเหมาะสม น้ำมันมะกอกสามารถใช้ในการปรุงอาหารในหลากหลายวิธี ตั้งแต่การผัด ทอด หรือการใช้เป็นน้ำสลัด โดยที่น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษมักจะถูกเลือกใช้เป็นน้ำมันสำหรับสลัดเนื่องจากรสชาติที่หอมหวาน และเข้มข้น
1. การใช้น้ำมันมะกอกในสลัด
การใช้เป็นน้ำสลัดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคงคุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอกจะไม่ผ่านความร้อนทำให้สารอาหารสำคัญ เช่น โพลีฟีนอล และวิตามินอี ยังคงอยู่ครบถ้วน การรับประทานสลัดที่มีน้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์
2. การทำอาหารด้วยน้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกสามารถทนความร้อนได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในการทำอาหาร เช่น การผัด หรือทอดที่ใช้ความร้อนต่ำถึงปานกลาง การใช้น้ำมันมะกอกในการผัดช่วยเพิ่มความหอม และรสชาติของอาหารโดยไม่ทำให้สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการมากเกินไป การเลือกใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ในการทำอาหารประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมในหลายครัวเรือน
ข้อควรระวังในการใช้น้ำมันมะกอก
แม้ว่าน้ำมันมะกอกจะเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ทางโภชนาการสูง แต่การใช้ในปริมาณที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ น้ำมันมะกอกเป็นไขมันที่มีแคลอรีสูง การใช้มากเกินไปอาจทำให้การบริโภคพลังงานเกินความต้องการในแต่ละวันได้ ดังนั้น การควบคุมปริมาณที่ใช้จึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง นอกจากนี้ การเก็บรักษาน้ำมันมะกอกก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเก็บในที่มืด และอุณหภูมิห้องเพื่อลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่อาจทำให้คุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันลดลง
น้ำมันมะกอกกับการดูแลเส้นผม และผิวพรรณ
น้ำมันมะกอกไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการประกอบอาหาร แต่ยังเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมในการดูแลผิวพรรณและเส้นผม น้ำมันมะกอกอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงและปกป้อง ทั้งผิวหนังและเส้นผมได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกสำหรับเส้นผม
- บำรุงเส้นผมให้เงางามและแข็งแรง: น้ำมันมะกอกช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ลดการแตกปลายและทำให้เส้นผมดูเงางาม สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันมะกอกยังช่วยปกป้องเส้นผมจากมลภาวะและแสงแดด ทำให้ผมดูมีสุขภาพดี
- รักษาอาการหนังศีรษะแห้งและรังแค: การนวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันมะกอกช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ ลดอาการคันและรังแค วิตามินอีที่อยู่ในน้ำมันมะกอกยังช่วยส่งเสริมสุขภาพของหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะมีความชุ่มชื้นและแข็งแรง
- ใช้เป็นทรีตเมนต์สำหรับผมแห้งเสีย: น้ำมันมะกอกสามารถใช้เป็นทรีตเมนต์สำหรับเส้นผมที่แห้งเสีย โดยการนวดน้ำมันมะกอกลงบนเส้นผมและปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จากนั้นล้างออกและสระผมตามปกติ ทำให้เส้นผมกลับมามีชีวิตชีวาและดูเงางามมากขึ้น
ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกสำหรับผิวพรรณ
- เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว: น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวที่ต้องการการบำรุงล้ำลึก วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันมะกอกช่วยปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวรู้สึกนุ่มชุ่มชื้นและเรียบเนียนขึ้น
- ช่วยลดการอักเสบและระคายเคือง: น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของผิว เช่น ผิวแดง ผิวแห้งแตก หรือผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด การทาน้ำมันมะกอกบางๆ บนผิวช่วยให้ผิวรู้สึกเย็นลงและผ่อนคลาย
- ใช้ล้างเครื่องสำอาง: น้ำมันมะกอกสามารถใช้เป็นน้ำมันทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างดี โดยเฉพาะการลบเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน นอกจากนี้ยังช่วยทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
วิธีใช้น้ำมันมะกอกบำรุงผิว
หลังอาบน้ำ เช็ดผิวให้แห้งหมาดๆ แล้วทาน้ำมันมะกอกบางๆ ทั่วผิวหนัง เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหรือใช้เป็นส่วนผสมในโลชั่นที่ใช้อยู่
วิธีใช้น้ำมันมะกอกบำรุงเส้นผม
นวดน้ำมันมะกอกลงบนเส้นผมและหนังศีรษะ ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยแชมพู ทำสัปดาห์ละครั้งเพื่อผมที่นุ่มสลวยและแข็งแรง
ความบริสุทธิ์ของน้ำมันมะกอก
ความบริสุทธิ์ของน้ำมันมะกอก คือระดับความบริสุทธิ์ทางธรรมชาติของน้ำมันที่ได้จากการสกัดผลมะกอก โดยวัดจากกระบวนการสกัดและการปรับปรุงที่ใช้ในการผลิต ความบริสุทธิ์จะบ่งบอกถึงคุณภาพ สารอาหารที่ยังคงอยู่ และรสชาติของน้ำมันมะกอก น้ำมันที่บริสุทธิ์มากที่สุดมักจะมีสารอาหารสำคัญอย่างวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระคงอยู่สูงที่สุด
น้ำมันมะกอกสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามระดับความบริสุทธิ์ ดังนี้:
- น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ (Extra Virgin Olive Oil): เป็นน้ำมันที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด สกัดเย็นโดยไม่ผ่านการปรุงแต่งด้วยสารเคมี ทำให้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ครบถ้วน เช่น วิตามิน อี และโพลีฟีนอล มีรสชาติที่เข้มข้นและหอมกลิ่นมะกอกสด
- น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Virgin Olive Oil): สกัดจากมะกอกโดยไม่ผ่านสารเคมีเช่นกัน แต่มีความบริสุทธิ์น้อยกว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ รสชาติจะอ่อนกว่าเล็กน้อย
- น้ำมันมะกอกปกติ (Olive Oil): เป็นการผสมน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์กับน้ำมันมะกอกที่ผ่านกระบวนการกลั่นด้วยความร้อนและสารเคมี ทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง มีรสชาติที่อ่อนกว่า
- น้ำมันมะกอกแบบกลั่น (Refined Olive Oil): เป็นน้ำมันที่ผ่านกระบวนการกลั่นโดยใช้สารเคมีและความร้อน ทำให้ความบริสุทธิ์ลดลงมาก และมีรสชาติอ่อนหรือแทบไม่มีรสเลย
ความนิยมในการใช้น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอก ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย โดยเหตุผลหลักที่ทำให้น้ำมันมะกอกไม่เป็นที่นิยมมากนัก ก็เพราะผู้คนส่วนใหญ่ คิดว่าน้ำมันมะกอกเมื่อนำมาทำอาหารแล้ว จะให้รสชาติที่ไม่อร่อย แตกต่างจากน้ำมันทั่วๆ ไปที่มีรสชาติดีมากกว่า อีกทั้งน้ำมันมะกอกยังมีราคาที่สูงมากกว่าน้ำมันประเภทอื่นๆ ในท้องตลาด จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันไปเลือกซื้อน้ำมันปาล์ม, น้ำมันหมูในการทำอาหาร เพราะสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายกว่า
น้ำมันมะกอกมีหลากหลายประเภทให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ และเป็นน้ำมันที่จัดว่ามีคุณประโยชน์ทางโภชนาการเป็นอย่างมาก และสามารถทำอาหารได้อย่างหลากหลาย แถมรสชาติก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ มีความเข้ากันกับเมนูอาหารในหลายๆ รูปแบบ ส่วนราคาก็มีความแตกต่างกันแล้วแต่คุณสมบัติและยี่ห้อ รวมถึงแล้วแต่ประเภทของน้ำมันมะกอกด้วย
อย่างไรก็ตาม การบริโภคน้ำมันมะกอกก็จำเป็นต้องอ่านศึกษาหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี เพราะน้ำมันมะกอกมาพร้อมข้อจำกัดหลายๆ อย่างในการรับประทาน โดยเฉพาะในผู้ที่ป่วยเป็นโรคบางชนิด น้ำมันมะกอกอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยอาจจะขอคำปรึกษาจากแพทย์หรือเภสัชที่มีความเชี่ยวชาญ ก่อนจะเลือกซื้อหาน้ำมันมะกอกมาประกอบอาหาร เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการบริโภคได้