21 พฤศจิกายน 2567

ข้าว (Rice) อาหารหลักคนไทย ธัญพืชสำคัญด้านโภชนาการ แหล่งพลังงานของมนุษย์

ข้าว (Rice)
สรุปโดยย่อ: ข้าว (Rice) เป็นอาหารหลักของคนไทยที่กินกันทุกมื้อ ข้าวให้พลังงานและสารอาหารสำคัญ โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยให้ร่างกายมีพลังงาน ข้าวมีหลายประเภท เช่น ข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้องมีไฟเบอร์และวิตามินมากกว่า การล้างข้าวก่อนหุงช่วยล้างฝุ่นและแป้งออก แต่ไม่ควรล้างมากเกินไป เพราะอาจทำให้สูญเสียวิตามิน ข้าวนอกจากหุงกินกับกับข้าวแล้วยังนำมาทำเป็นเมนูอื่นได้ เช่น ข้าวผัด ข้าวต้ม ซึ่งทำให้ได้สารอาหารครบถ้วน
สารบัญเนื้อหา

ข้าว (Rice) เป็นอาหารหลักของคนไทยและอยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน โดยข้าวเป็นธัญพืชสำคัญในด้านโภชนาการและเป็นแหล่งพลังงานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ และที่สำคัญข้าวยังอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุ

ข้าวแบ่งได้ 4 ชนิดตามลักษณะของเนื้อข้าว

ชนิดของข้าวหากแบ่งแยกอย่างเป็นทางการ โดยอ้างอิงจากมูลนิธิข้าวไทย สามารถแบ่งได้หลากหลายลักษณะ เช่น การแบ่งประเภทตามเนื้อแข็งในข้าว แบ่งตามสภาพพื้นที่เพาะปลูก แบ่งตามรูปร่างของเม็ดข้าว แบ่งตามฤดูเพาะปลูกข้าว (นาปี หรือ นาปรัง) เป็นต้น โดยข้าวสามารถแบ่งชนิดหลักๆ ออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่  ข้าวหอมมะลิ  ข้าวขาว  ข้าวเหนียว  และข้าวเพื่อสุขภาพ

1. ข้าวหอมมะลิ

ข้าวหอมมะลิเป็นข้าวที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในประเทศไทย มีลักษณะเด่นคือ มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นของใบเตย โดยชนิดพันธุ์ที่นิยมปลูกและบริโภคกันเป็นส่วนใหญ่ในประเทศไทย คือ พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และ พันธุ์กข.15 แต่เนื่องด้วยปัจจุบันรัฐบาลมีการส่งเสริมให้ปลูกข้าวพันธุ์ปทุมธานีมากกว่า เพราะให้ผลผลิตสูง และในหนึ่งปีก็ปลูกได้หลายครั้งอีกด้วย ทำให้ราคาขายในท้องตลาดต่ำกว่าข้าวหอมมะลิมาก ซึ่งข้าวพันธุ์ปทุมธานีนั้นจะมีความหอมคล้ายคลึงกับข้าวหอมมะลิแต่ว่าไม่ได้เป็นข้าวหอมมะลิ

2. ข้าวเหนียว

ข้าวเหนียวในประเทศไทยนิยมปลูกกันมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยส่วนใหญ่จะนิยมปลูก พันธุ์กข. 6 พันธุ์กข.10 พันธุ์กข.4 และพันธุ์สันป่าตอง แต่ราคาในท้องตลาดที่ขายก็จะต่ำกว่าพันธุ์ กข.6 เนื่องจากคุณภาพของข้าว ความสวย ความหอม และความอร่อยที่ต่างกันนั่นเอง

3. ข้าวขาว

ข้าวขาวเป็นประเภทของข้าวที่ปลูกกันอยู่โดยทั่วไป มีกันอยู่หลากหลายสายพันธุ์ ยกตัวอย่างเช่น ข้าวเสาไห้สระบุรี ข้าวเหลืองประทิว เป็นต้น

4. ข้าวเพื่อสุขภาพ

ข้าวประเภทนี้ คือข้าวที่ไม่ได้ผ่านการขัดสีทำให้ยังมีคุณค่าของสารอาหารที่ค่อนข้างสูง มีใยอาหารและไฟเบอร์สูง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ วิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ดูแลสุขภาพหรือกลุ่มคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ตัวอย่างของข้าวชนิดนี้ ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสีนิล ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นต้น

ตารางแคลอรี่ของข้าวแต่ละชนิด ในปริมาณการบริโภคที่แตกต่างกัน

ชนิดข้าว ปริมาณ แคลอรี่
ข้าวขาวหุงสุก 100 กรัม 130 kcal
ข้าวขาวหุงสุก 158 กรัม (1 ถ้วยตวง) 205 kcal
ข้าวกล้องหุงสุก 100 กรัม 111 kcal
ข้าวกล้องหุงสุก 195 กรัม (1 ถ้วยตวง) 215 kcal
ข้าวญี่ปุ่นหุงสุก 100 กรัม 148 kcal
ข้าวญี่ปุ่นหุงสุก 165 กรัม (1 ถ้วยตวง) 250 kcal
ข้าวไรซ์เบอร์รีหุงสุก 100 กรัม 111 kcal
ข้าวไรซ์เบอร์รีหุงสุก 195 กรัม (1 ถ้วยตวง) 215 kcal
ข้าวเหนียวหุงสุก 100 กรัม 169 kcal
ข้าวเหนียวหุงสุก 170 กรัม (1 ถ้วยตวง) 285 kcal

คุณค่าทางโภชนาการของข้าว

ข้าว ประกอบด้วยสารอาหารแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้

  • คาร์โบไฮเดรต: ข้าวทุกชนิดมีองค์ประกอบหลักคือ แป้ง และเมื่อผ่านกระบวนการย่อยสลายออกมาแล้วจะได้เป็น คาร์โบไฮเดรต ร้อยละ 70-80 ของข้าวทั้งหมด และมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบอีกเล็กน้อย
  • โปรตีน: เป็นสารอาหารที่มีอยู่ไม่มากนัก
  • ไขมัน: ในกลุ่มข้าวเพื่อสุภาพ เช่น ข้าวกล้องจะมีปริมาณไขมันที่เยอะกว่าข้าวอื่นๆ เนื่องด้วยข้าวกล้องไม่ผ่านการขัดสียังมีส่วนของรำข้าวอยู่ แต่เมื่อเทียบกับกลุ่มอาหารชนิดอื่นๆ แล้ว ข้าวไม่ใช่แหล่งอาหารประเภทไขมันหลัก
  • ใยอาหาร: ข้าวกล้องหรือข้าวเพื่อสุขภาพจะเป็นกลุ่มที่สามารถให้ใยอาหารสูงกว่าข้าวขาว โดยทั่วไปข้าวกล้องจะมีสีน้ำตาลอ่อน คนทั่วไปสมัยก่อนใช้วิธีซ้อมหรือตำด้วยมือ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ข้าวซ้อมมือ”
  • วิตามินและแร่ธาตุ: ในข้าวกล้องและกลุ่มข้าวเพื่อสุขภาพจะมีวิตามินและแร่ธาตุสูงกว่าข้าวขาว สารอาหารที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน คือ ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแมกนีเซียม ไนอาซิน และวิตามินบี 1

ข้าวกล้อง

เป็นข้าวที่ผ่านกระบวนการนำเปลืองออก โดยที่ยังมีจมูกข้าวและเยื่อของข้าวอยู่ ซึ่งเมล็ดข้าวจะมีสีน้ำตาลอ่อน และเนื่องจากในสมัยก่อนจะใช้วิธีตำข้าวเพื่อไว้สำหรับรับประทานกันเอง จึงมีชื่อเรียกข้าวประเภทนี้ว่า ข้าวซ้อมมือ หรือ ข้าวแดง อีกทั้งยังมีคุณค่าและคุณประโยชน์ทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาวปกติอีกด้วย

ประโยชน์ที่ได้จากการรับประทานข้าวกล้อง

ข้าวกล้องเป็นข้าวที่มีสารอาหารครบทุกชนิด มีองค์ประกอบหลักๆ คือ คาร์โบไฮเดรต เช่นเดียวกับข้าวชนิดอื่นๆ แต่เมื่อเปรียบเทียบข้าวกล้องกับข้าวขาว จะพบว่า ข้าวกล้องนั้นมีกากใยอาหารสูงกว่าข้าวขาวถึง 3 เท่า เพราะในกระบวนการขัดสีของข้าวขาวนั้น จะทำให้เกิดการสูญเสียโปรตีน ไขมัน ใยอาหาร วิตามินและเกลือแร่ไประหว่างการขัดสี ทำให้แทบไม่เหลือสารอาหารที่มีประโยชน์เลย

  • ข้าวกล้องมีประโยชน์ในเรื่องของระบบขับถ่าย สามารถป้องกันอาการท้องผูกได้ดี
  • มีธาตุเหล็กและทองแดง ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด ป้องกันภาวะโลหิตจาง ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ – มีวิตามินบีรวมช่วยเพิ่มพลัง และลดความอ่อนเพลียได้
  • มีวิตามินบี 1, บี 2 ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา และโรคปากนกกระจอก
  • มีฟอสฟอรัสและแคลเซียม ช่วยในการเจริญเติบโตหรือซ่อมเสริมกระดูกและฟัน ทำให้กระดูกแข็งแรง
  • นอกจากนี้ไขมันที่มีอยู่ในข้าวกล้องเป็นไขมันดี ไม่มีคอเลสเตอรอล สามารถช่วยในเรื่องของระบบผิวหนังและเส้นประสาทได้

เคล็ดลับในการรับประทานข้าวกล้อง

สำหรับเคล็ดลับในการรับประทานข้าวกล้อง คือ ควรกินขณะยังอุ่น พอข้าวสุกให้ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีก็กินได้เลย เนื่องจากข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย อีกทั้งควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมด เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายและเร็วกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

ข้าวขาว VS ข้าวกล้อง

เปรียบเทียบระหว่างข้าวขาว VS ข้าวกล้อง

1. กระบวนการผลิต

  • ข้าวขาว: ข้าวขาวถูกนำไปผ่านกระบวนการขัดสีและขัดเงาเพื่อเอารำข้าว (เยื่อหุ้มเมล็ด) และจมูกข้าวออก ทำให้ข้าวมีสีขาวและเนื้อนุ่ม การขัดสีนี้ทำให้ข้าวขาวมีเนื้อสัมผัสที่เบากว่าและปรุงง่าย แต่กระบวนการนี้ยังทำให้สารอาหารบางอย่างหายไปด้วย
  • ข้าวกล้อง: ข้าวกล้องจะยังคงมีรำข้าวและจมูกข้าวอยู่ ทำให้มีลักษณะสีน้ำตาลอ่อนและเนื้อสัมผัสที่แข็งกว่าข้าวขาว แต่ยังคงสารอาหารที่มากกว่า เนื่องจากไม่ผ่านการขัดสีอย่างข้าวขาว

2. คุณค่าทางโภชนาการ

  • ข้าวขาว: ข้าวขาวมีคาร์โบไฮเดรตสูง แต่มีไฟเบอร์และวิตามินแร่ธาตุที่น้อยลงเมื่อเทียบกับข้าวกล้อง หลังจากขัดสี สารอาหารสำคัญ เช่น วิตามินบี ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และไฟเบอร์ จะถูกขจัดออกไปเกือบทั้งหมด
  • ข้าวกล้อง: ข้าวกล้องมีสารอาหารมากกว่า มีไฟเบอร์สูงซึ่งช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยในเรื่องการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและการบำรุงระบบประสาท

3. ผลต่อสุขภาพ

  • ข้าวขาว: การบริโภคข้าวขาวเป็นปริมาณมากและบ่อยครั้ง อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 เนื่องจากข้าวขาวมีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (Glycemic Index) ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ข้าวกล้อง: การบริโภคข้าวกล้องมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าเนื่องจากไฟเบอร์สูง และมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวขาว จึงช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิดได้

4. ความสะดวกในการปรุงและการบริโภค

  • ข้าวขาว: ข้าวขาวปรุงง่ายและเร็วกว่า โดยทั่วไปมีเนื้อสัมผัสนุ่มและรสชาติเบาที่หลายคนคุ้นเคย จึงเป็นที่นิยมในการรับประทาน
  • ข้าวกล้อง: ข้าวกล้องใช้เวลาปรุงนานกว่าและมีเนื้อสัมผัสที่หยาบกว่าข้าวขาว การรับประทานข้าวกล้องอาจจะไม่ถูกใจทุกคนเนื่องจากความแข็งและรสชาติที่เข้มกว่า

วิธีการเก็บรักษาข้าวสารที่ถูกต้อง

การเก็บรักษาข้าวให้คงคุณค่าสารอาหารและยืดอายุการใช้งานสามารถทำได้โดยปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้:

1. เก็บในที่แห้งและเย็น

  • ควรเก็บข้าวในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดในที่ที่อุณหภูมิต่ำ (ประมาณ 15-20°C) และไม่มีความชื้น เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและแมลง
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน เพราะความร้อนอาจทำให้ข้าวเสื่อมสภาพและสูญเสียคุณค่าทางอาหาร

2. ใช้ภาชนะที่ปิดสนิท

  • เก็บข้าวในภาชนะที่ปิดสนิท เช่น ถุงสุญญากาศ หรือขวดแก้วที่มีฝาปิดเพื่อป้องกันความชื้นและแมลง
  • การใช้ถุงสุญญากาศช่วยรักษาคุณภาพข้าวได้นานขึ้นและลดโอกาสการเกิดออกซิเดชัน

3. แช่แข็งหรือแช่เย็น

  • สำหรับข้าวที่หุงสุกแล้ว ควรแช่เย็นในภาชนะที่ปิดมิดชิด และใช้ภายใน 1-2 วันเพื่อรักษาความสดใหม่
  • หากต้องการเก็บข้าวสุกไว้นานกว่า 2 วัน ให้แช่แข็งในภาชนะหรือถุงซิปล็อค เมื่อต้องการรับประทานให้นำไปอุ่นก่อน

4. หลีกเลี่ยงความชื้น

  • ข้าวดิบมีโอกาสเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อโดนความชื้น ควรหลีกเลี่ยงการเก็บข้าวในที่ชื้นหรือเปียก
  • สามารถใส่ซองดูดความชื้นในภาชนะเก็บข้าว เพื่อช่วยลดความชื้นที่อาจเกิดขึ้น

5. หลีกเลี่ยงการเก็บนานเกินไป

  • ข้าวมีอายุการเก็บที่จำกัด ควรใช้ข้าวเก่าก่อนข้าวใหม่ และไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 6 เดือน เพื่อป้องกันการสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ

การซาวข้าว (ล้างข้าว)

การซาวข้าวมักทำเพื่อขจัดฝุ่นละอองและแป้งที่เคลือบเมล็ดข้าวออก โดยจำนวนรอบที่ควรซาวข้าวนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของข้าว (ในกรณีที่ข้าวดูสกปรกหรือมีฝุ่นมากเป็นพิเศษ อาจซาวเพิ่มได้ แต่ควรทำอย่างเบามือเพื่อไม่ให้สูญเสียวิตามิน)

ข้าวขาว

  • ซาวน้ำประมาณ 2-3 รอบ เพื่อล้างแป้งที่ผิวออก แต่ไม่ควรล้างมากเกินไปเพราะอาจทำให้วิตามินและแร่ธาตุที่อยู่ในข้าวสูญเสียไป

ข้าวกล้องหรือข้าวไรซ์เบอร์รี่

  • ซาวน้ำ 1-2 รอบก็เพียงพอ เนื่องจากข้าวกล้องมีเปลือกบางที่ช่วยป้องกันการสูญเสียสารอาหาร การซาวข้าวมากเกินไปอาจทำให้สารอาหารในเปลือกหลุดออก

ข้าวไม่เพียงเป็นอาหารหลักที่สำคัญในวิถีชีวิตคนไทย แต่ยังมีบทบาทสำคัญด้านสุขภาพ ข้าวกล้องและข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นแหล่งสารอาหารที่ดี เช่น ใยอาหาร วิตามินบี และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร บำรุงระบบประสาท และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ข้าวยังเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญจากคาร์โบไฮเดรต อย่างไรก็ตาม การบริโภคข้าวขาวในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้ ดังนั้นคนไทยจึงหันมาเลือกข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน

1. กระบวนการผลิต

  • ข้าวกล้องไม่ได้ผ่านการขัดสีหลายขั้นตอนเหมือนข้าวขาว ดังนั้นการเก็บรักษาต้องระมัดระวังมากกว่า เพราะข้าวกล้องมีน้ำมันธรรมชาติจากจมูกข้าวและรำข้าว ทำให้มีโอกาสเกิดการเหม็นหืนได้ง่ายกว่าข้าวขาว
  • การจัดการเก็บรักษาเพื่อป้องกันการเสียหายจึงต้องใช้เทคนิคที่ละเอียดกว่า เช่น เก็บในที่เย็นหรือบรรจุในภาชนะที่ป้องกันอากาศได้ดี

2. คุณค่าทางโภชนาการสูงกว่า

  • ข้าวกล้องมีไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุมากกว่าข้าวขาว ซึ่งเป็นคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ทำให้มีความต้องการในตลาดสูง

3. กระบวนการผลิตข้าวกล้องใช้เวลามากกว่า

  • การผลิตข้าวกล้องต้องคำนึงถึงการเก็บเกี่ยว การทำความสะอาด และการจัดการข้าวที่ละเอียดอ่อนกว่า ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น

การกินข้าวเหนียวทำให้ง่วงได้จริง เพราะข้าวเหนียวมีน้ำตาลสูง ทำให้พลังงานขึ้นเร็วแล้วตกลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็เลยรู้สึกเพลีย นอกจากนี้ ข้าวเหนียวย่อยยาก ทำให้ร่างกายใช้พลังงานเยอะในการย่อย เลยทำให้รู้สึกง่วงตามมาหลังจากกินเสร็จ

แคลอรี่ของ ข้าว (Rice) ใน 100 กรัม

ให้พลังงาน
130 Kcal
(ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ส่วนประกอบใน 100g.
คาร์โบไฮเดรต 28.2%
โปรตีน 2.7%
ไขมัน 0.3%
ใยอาหาร 0.4%
น้ำ 68%
ในข้าว (Rice) 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 130 กิโลแคลอรี่ (Kcal) หรือคิดเป็น 1.3 กิโลแคลอรี่ ต่อน้ำหนัก 1 กรัม

รู้หรือไม่?

ทำไมเราถึงเรียกว่า "ข้าวสวย" มากกว่าข้าวหุง: ข้าวสวยคือข้าวที่หุงสุกแล้ว มีลักษณะเป็นเมล็ดเรียงตัวสวย ไม่แฉะ ไม่ติดกันเป็นก้อน คนไทยเรียกข้าวสุกแบบนี้ว่า "ข้าวสวย" เพราะหุงออกมาแล้วเม็ดข้าวดูสวยและน่ากิน

เรื่องแนะนำ

บทความแนะนำ