21 พฤศจิกายน 2567

วิตามินบี (Vitamin B) ส่วนสำคัญในกระบวนการเผาผลาญ สร้างกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของกระดูก

วิตามินบี (Vitamin B)
สรุปโดยย่อ: วิตามินบี (Vitamin B) เป็นกลุ่มสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเปลี่ยนอาหารที่กินเข้าไปให้กลายเป็นพลังงาน และบำรุงระบบประสาท รวมถึงช่วยเสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง แต่ละชนิดของวิตามินบีมีหน้าที่เฉพาะ เช่น บี1 ช่วยเผาผลาญพลังงาน บี6 ช่วยการสร้างโปรตีน และบี12 ช่วยบำรุงสมอง หากขาดวิตามินบีจะทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หรือมีปัญหากับระบบประสาท ควรรับประทานอาหารที่หลากหลาย เช่น เนื้อสัตว์ ธัญพืช และผักใบเขียว เพื่อให้ได้รับวิตามินบีอย่างเพียงพอ
สารบัญเนื้อหา

วิตามินบี (Vitamin B) เป็นกลุ่มของวิตามินที่สามารถละลายได้ในสารละลายที่ขั้ว ได้แก่ น้ำและแอลกอฮอล์ จัดเป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยสำคัญในกระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายเพื่อให้เกิดพลังงาน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของกระดูก สร้างเซลล์เม็ดเลือดให้สมบูรณ์และบำรุงระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิตามินบี สามารถแบ่งออกได้เป็น 8 ประเภท ดังนี้

วิตามินบี 1

วิตามินบี 1 หรือไทอามีน (Thiamine) มีส่วนช่วยเสริมสร้างและทำลายคาร์โบไฮเดรตภายในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทด้านความรู้สึก หากร่างกายขาดวิตามินบี 1 ก็จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย รู้สึกไม่สดชื่น เป็นเหน็บชาง่าย และเกิดความบกพร่องในระบบย่อยอาหาร โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 1 ได้แก่ ไข่ ถั่ว ยีสต์ เนื้อสัตว์ ตับ และข้าวซ้อมมือ

หน้าที่หลัก

ช่วยในการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงานที่ร่างกายสามารถใช้งานได้ นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบประสาท ช่วยส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจ

หน้าที่รอง

ส่งเสริมการทำงานของสมองและระบบประสาท ทำให้ระบบประสาททำงานได้อย่างสมดุล

แหล่งสารอาหารที่พบได้บ่อย

  • ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ และธัญพืชเต็มเมล็ด
  • เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์จากหมู
  • ถั่วเปลือกแข็ง และถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง
  • ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม

การขาดวิตามินบี1 อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น การทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจผิดปกติ

วิตามินบี 2

วิตามินบี 2 หรือไรโบฟลาวิน (Riboflavin) พบได้มากในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ข้าว ธัญพืช เครื่องในสัตว์ ผักใบเขียว ข้าวโอ๊ต ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม โดยมีส่วนช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม ผิวหนัง และเล็บ มีสารต้านอนุมูลอิสระในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังสามารถป้องกันโรคปากนกกระจอกได้

หน้าที่หลัก

มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ช่วยให้ร่างกายนำพลังงานจากอาหารไปใช้งานได้

หน้าที่รอง

ส่งเสริมสุขภาพผิวหนัง เล็บ ตา และระบบประสาท นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย

การขาดวิตามินบี 2

อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเผาผลาญสารอาหารให้เป็นพลังงานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้อาจมีปัญหาสุขภาพผิวหนัง ปาก และลิ้น เช่น ริมฝีปากแห้งแตก ตาแห้ง

แหล่งสารอาหารที่พบได้บ่อย

  • ผลิตภัณฑ์นม เช่น นม โยเกิร์ต และชีส
  • ไข่ โดยเฉพาะไข่แดง
  • เนื้อสัตว์ เช่น ตับ และไต
  • ปลา เช่น ปลาแซลมอน และปลาทู
  • เห็ด เช่น เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง

วิตามินบี 3

วิตามินบี 3 หรือไนอาซิน (Niacin) มีประโยชน์อย่างมาก สำหรับผู้ที่อดนอนเป็นเวลานาน เพราะเมื่อรับประทานแล้ว จะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เกิดความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ช่วยให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบอันเนื่องมาจากการอดนอนได้เป็นอย่างดี พบได้มากในอาหารจำพวกอกไก่ เห็ด ถั่วลิสง ปลาทูน่า เนื้อวัว หน่อไม้ฝรั่ง และตับ เป็นต้น

หน้าที่หลัก

ช่วยในการเผาผลาญอาหาร และเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงานที่ร่างกายใช้ได้ นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ และฮอร์โมนบางชนิด

หน้าที่รอง

ส่งเสริมระบบการไหลเวียนของเลือด สุขภาพผิว และการทำงานของสมอง

แหล่งสารอาหารที่พบได้บ่อย

  • เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อไก่ และเนื้อปลา
  • ปลา เช่น ปลาทูน่า และปลาแมคเคอเรล
  • ธัญพืชเต็มเมล็ด ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโอ๊ต
  • ถั่วลิสง และถั่วเปลือกแข็งอื่นๆ

ขาดวิตามินบี 3

ร่างกายอาจมีปัญหาในการสร้างพลังงานจากอาหาร อาจเกิดอาการเหนื่อยง่าย มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังและระบบประสาท เช่น ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย และอาการทางจิตใจ เช่น หงุดหงิดหรือซึมเศร้า

วิตามินบี 5

วิตามินบี 5 หรือแพนโทเทนิค (Pantothenic) มีประโยชน์ต่อการสังเคราะห์กรดไขมันในร่างกาย โดยทำงานร่วมกับหายใจของเซลล์ ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายมีความสมบูรณ์มากขึ้น หากร่างกายขาดวิตามินบี 5 ก็จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ผิวหนังแห้งกร้าน หรืออักเสบง่ายหากโดนแดงแดด นอกจากนี้ ยังมีผลต่อด้านอารมณ์ โดยจะก่อให้เกิดความคุ้มคลั่ง ควบคุมอารมณ์ได้อย่างยากลำบาก วิตามินบี 5 พบมากในอาหารจำพวกยีสต์ เนื้อสัตว์ ใบยอ ข้าวซ้อมมือ ผักสด และถั่ว

หน้าที่หลัก

มีบทบาทสำคัญในการสร้างโคเอ็นไซม์เอ (CoA) ที่ช่วยในกระบวนการเผาผลาญสารอาหารเพื่อสร้างพลังงาน

หน้าที่รอง

ส่งเสริมการสร้างฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด และกระบวนการสังเคราะห์ไขมัน และสารสื่อประสาทในระบบประสาท

แหล่งสารอาหารที่พบได้บ่อย

  • เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ และเนื้อวัว
  • ไข่ โดยเฉพาะไข่แดง
  • ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นม และชีส
  • ผักใบเขียว เช่น บรอกโคลี และผักขม
  • เห็ด โดยเฉพาะเห็ดหอม
  • ธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต

การขาดวิตามินบี 5

อาจทำให้ร่างกายมีปัญหาในการเผาผลาญพลังงาน และกระบวนการสร้างฮอร์โมน ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาท เช่น ชา หรือปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

วิตามินบี 6

วิตามินบี 6 หรือไพริดอกซีน (Pyridoxine) พบได้มากในเนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ถั่ว ข้าวโพด และตับ โดยมีส่วนช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงให้มีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น หากขาดวิตามินชนิดนี้เป็นเวลานานก็จะทำให้ผิวหนังบวม ผมร่วง ปวดตามมือหรืออวัยวะส่วนต่างๆ โดยปริมาณที่แนะนำต่อวันไม่ควรบริโภคเกิน 100 มิลลิกรัม

หน้าที่หลัก

ช่วยในการเผาผลาญกรดอะมิโน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีน นอกจากนี้ยังช่วยในการสังเคราะห์สารสื่อประสาท และสารสื่อประสาทที่จำเป็นต่อการทำงานของสมอง

หน้าที่รอง

ส่งเสริมกระบวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และการควบคุมระดับโฮโมซิสเตอีนในเลือด

แหล่งสารอาหารที่พบได้บ่อย

  • เนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู และปลา เช่น ปลาแซลมอน
  • มันฝรั่ง มันเทศ และพืชหัวต่างๆ
  • กล้วย
  • ธัญพืชเต็มเมล็ด ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง และข้าวสาลี
  • ถั่วเปลือกแข็ง เช่น วอลนัท และอัลมอนด์

การขาดวิตามินบี 6

อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการสร้างโปรตีนและสารสื่อประสาท ทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น การติดเชื้อง่าย และอาจมีผลต่ออารมณ์ เช่น อาการซึมเศร้า หรือการนอนหลับไม่สนิท

วิตามินบี 7

วิตามินบี 7 หรือไบโอทิน (Biotin) พบได้มากในถั่ว กล้วย ปลาแซลมอน ไข่ ตับ ดอกกะหล่ำและงา มีส่วนช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้มีประสิทธิภาพ ทั้งทางด้านสติปัญญาและอารมณ์ ทำให้ร่างกายดูสดใส ไม่อ่อนเพลียแม้จะต้องทำงานหนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมแบบหามรุ่งหามค่ำ เพราะจะช่วยสร้างความกระปรี้กระเปร่า และป้องกันความเสื่อมสภาพของร่างกายได้เป็นอย่างดี

หน้าที่หลัก

ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หน้าที่รอง

ส่งเสริมสุขภาพของผิวหนัง เส้นผม และเล็บ ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดีขึ้น และเส้นผมแข็งแรงขึ้น

แหล่งสารอาหารที่พบได้บ่อย

  • ไข่แดง
  • ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ วอลนัท และถั่วลิสง
  • ตับ และอวัยวะภายในของสัตว์
  • ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี
  • อะโวคาโด
  • เห็ด

การขาดวิตามินบี 7

จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการเผาผลาญไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ทำให้ผิวแห้ง ผมร่วง หรือเล็บเปราะ นอกจากนี้ยังอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย หรือเกิดอาการทางระบบประสาท เช่น ชาหรือปวดตามร่างกาย

วิตามินบี 9

วิตามินบี 9 หรือโฟเลท (Folate) เป็นวิตามินที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ เพราะมีส่วนช่วยลดอาการซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์ได้ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องความจำ เสริมสร้างการทำงานของสมองและระบบประสาทของทารกในครรภ์ ดีต่อสุขภาพของทั้งแม่และลูกน้อย พบมากในผักใบเขียว เช่น คะน้า บร็อคโคลี่ กวางตุ้ง และผักบุ้ง

หน้าที่หลัก

มีบทบาทสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมดีเอ็นเอ และช่วยในกระบวนการเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์ใหม่ในร่างกาย

หน้าที่รอง

ส่งเสริมการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี

แหล่งสารอาหารที่พบได้บ่อย

  • ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม คะน้า และบรอกโคลี
  • ถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง และถั่วลันเตา
  • ธัญพืชเสริมโฟเลต เช่น ขนมปัง ข้าวสาลีเสริมวิตามิน และซีเรียลเสริมโฟเลต
  • ผลไม้ส้ม เช่น ส้ม เกรปฟรุต และน้ำส้มคั้น

การขาดวิตามินบี 9

อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และในบางกรณีอาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์และเนื้อเยื่อของร่างกาย

วิตามินบี 12

วิตามินบี 12 หรือโคบาลามิน (Cobalamin) ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท และเสริมสร้างจำนวนเม็ดเลือดแดง พบมากในโยเกิร์ต นม เนย ไข่แดง หากรับประทานไม่เพียงพอ หรือขาดวิตามินชนิดนี้เป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้

หน้าที่หลัก

ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และช่วยในกระบวนการเผาผลาญกรดอะมิโน และกรดไขมัน อีกทั้งยังช่วยในการสร้างสารพันธุกรรม

หน้าที่รอง

ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท และช่วยลดความเหนื่อยล้าของร่างกาย

แหล่งสารอาหารที่พบได้บ่อย

  • ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อแกะ
  • ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นม ชีส และโยเกิร์ต
  • ไข่ โดยเฉพาะไข่แดง
  • ปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาแมคเคอเรล
  • อาหารทะเล เช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่

การขาดวิตามินบี 12

จะส่งผลให้การสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงผิดปกติ ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และอาจมีผลต่อระบบประสาท เช่น อาการชาหรือเสียวซ่านตามมือและเท้า นอกจากนี้อาจส่งผลต่อความจำและการทำงานของสมอง

การรับประทานวิตามินบีให้เพียงพอ

การรับประทานวิตามินบีให้เพียงพอ สามารถทำได้โดยการเลือกทานอาหารที่มีวิตามินบีอย่างหลากหลาย หากต้องการรับประทานวิตามินบีให้ครบทุกชนิด การเลือกทานอาหารที่มีความหลากหลายจะช่วยให้ได้รับวิตามินบีจากแหล่งธรรมชาติโดยตรง เช่น การทานข้าวกล้อง เนื้อสัตว์ ไข่ และผักใบเขียว นอกจากนี้การเลือกทานอาหารเสริมวิตามินบีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทานอาหารได้หลากหลายหรือมีข้อจำกัดทางโภชนาการ

ประโยชน์ของวิตามินบีต่อสุขภาพจิต

วิตามินบีมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพจิต เนื่องจากช่วยสนับสนุนกระบวนการทำงานของระบบประสาทและสมอง นี่คือประโยชน์ของวิตามินบีที่มีต่อสุขภาพจิต:

1. ส่งเสริมการทำงานของสมองและความจำ

วิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 1, บี 6 และบี 12 มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของสมอง ช่วยในการส่งสัญญาณประสาทและการสังเคราะห์สารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้ ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล

วิตามินบี เช่น วิตามินบี 1 และบี 6 มีส่วนในการสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ เช่น เซโรโทนิน (serotonin) ซึ่งมีบทบาทในการลดความเครียด ช่วยให้จิตใจสงบ และควบคุมความวิตกกังวล

3. สนับสนุนสุขภาพอารมณ์

วิตามินบี 12 และโฟเลต (วิตามินบี 9) มีบทบาทในการสังเคราะห์สารเคมีในสมอง เช่น โดพามีน (dopamine) และเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยควบคุมอารมณ์และช่วยให้รู้สึกมีความสุข การได้รับวิตามินบีในปริมาณที่เพียงพอช่วยลดอาการซึมเศร้าและอารมณ์แปรปรวนได้

โดพามีน คือสารเคมีในสมองที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท ช่วยควบคุมความรู้สึกสุขใจ ความตื่นเต้น และแรงจูงใจ เช่น เมื่อทำสิ่งที่ชอบหรือประสบความสำเร็จ ร่างกายจะหลั่งโดพามีน ทำให้รู้สึกดีขึ้นและมีพลังในการทำสิ่งต่างๆ นอกจากนี้โดพามีนยังช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวและการทำงานของระบบประสาทในร่างกายอีกด้วย

4. ช่วยในการควบคุมพลังงานและลดอาการอ่อนเพลียทางจิตใจ

วิตามินบี 1 และบี 2 ช่วยในการเผาผลาญพลังงานจากอาหาร ช่วยให้สมองและร่างกายมีพลังงานเพียงพอ ซึ่งสามารถลดอาการเหนื่อยล้าทางจิตใจและทำให้มีสมาธิที่ดีขึ้น

5. ลดความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า

การขาดวิตามินบี 12 และโฟเลตมีความเชื่อมโยงกับการเกิดภาวะซึมเศร้า การเสริมวิตามินบีในอาหารช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ เนื่องจากวิตามินบีช่วยในกระบวนการผลิตสารสื่อประสาทที่ส่งผลต่ออารมณ์

อาหารจากธรรมชาติ (แหล่งที่ดีที่สุดของวิตามินบี)

  • แหล่งสารอาหารครบถ้วน: วิตามินบีจากอาหารธรรมชาติเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากนอกจากวิตามินบีแล้ว อาหารเหล่านี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ เช่น แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ
  • การดูดซึมที่ดี: วิตามินบีจากแหล่งธรรมชาติจะถูกดูดซึมได้อย่างเต็มที่เมื่อทานพร้อมกับอาหาร การทานอาหารที่หลากหลาย เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผักใบเขียว ช่วยให้ได้รับวิตามินบีอย่างเพียงพอ
  • เหมาะสำหรับคนที่มีสุขภาพดี: หากสามารถทานอาหารได้หลากหลายและไม่มีข้อจำกัดทางการแพทย์ การเลือกวิตามินบีจากแหล่งอาหารธรรมชาติเป็นตัวเลือกที่ดีและปลอดภัยที่สุด

วิตามินบีเสริม (ทางเลือกสำหรับบางสถานการณ์)

  • สำหรับผู้ที่ขาดสารอาหาร: หากมีข้อจำกัดในการทานอาหารบางชนิด เช่น การทานมังสวิรัติ หรือการทานอาหารที่มีวิตามินบีน้อย การรับประทานวิตามินบีเสริมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินบี12 ซึ่งมักพบในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์
  • ในกรณีที่ต้องการปริมาณวิตามินบีสูงกว่าปกติ: ผู้ที่ต้องการปริมาณวิตามินบีสูง เช่น ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก มีความเครียดสูง หรือผู้ที่ตั้งครรภ์ อาจพิจารณาเสริมวิตามินบีให้เพียงพอจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • กรณีที่มีปัญหาด้านการดูดซึม: ในบางคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร หรือไม่สามารถดูดซึมวิตามินบีได้อย่างเพียงพอจากอาหาร การเลือกทานวิตามินบีเสริมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการขาดวิตามิน

หากไม่แน่ใจว่าควรทานวิตามินบีเสริมหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อประเมินความต้องการสารอาหารของร่างกาย และเลือกวิธีการเสริมวิตามินบีที่เหมาะสม

วิตามินบีที่จำเป็นต่อร่างกายทั้งหมดนี้ พบได้ง่ายในอาหารทุกชนิดที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวัน โดยเฉพาะอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ข้าว ไข่ ผลไม้ และผัก ทั้งนี้เพื่อให้ได้สารอาหารที่มีความประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วน ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสะอาดสดใหม่ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินบีอย่างเหมาะสมและครบถ้วนเพียงพอต่อการบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงต่อไป

แหล่งอ้างอิง/งานวิจัย

  • เรื่อง: The role of B vitamins in preventing and treating cognitive impairment and decline • เขียนโดย: David O. Kennedy - 2016

ปริมาณวิตามินบีที่ร่างกายต้องการต่อวันจะแตกต่างกันไปตามอายุและเพศ แต่โดยทั่วไปแล้วปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่มีดังนี้

ปริมาณวิตามินบีที่ร่างกายต้องการต่อวัน

  1. วิตามินบี 1 (ไทอามีน): 1.1-1.2 มิลลิกรัม
  2. วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน): 1.1-1.3 มิลลิกรัม
  3. วิตามินบี 3 (ไนอะซิน): 14-16 มิลลิกรัม
  4. วิตามินบี 5 (แพนโทธีนิก): 5 มิลลิกรัม
  5. วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน): 1.3-1.7 มิลลิกรัม
  6. วิตามินบี 7 (ไบโอติน): 30 ไมโครกรัม
  7. วิตามินบี 9 (โฟเลต): 400 ไมโครกรัม
  8. วิตามินบี 12 (โคบาลามิน): 2.4 ไมโครกรัม

เทียบเท่ากับการกินอะไรในปริมาณเท่าไหร่

วิตามินบี 1 (ไทอามีน)

  1. ข้าวกล้องสุก 1 ถ้วย (190 กรัม) – ประมาณ 0.3 มิลลิกรัม
  2. เนื้อหมูสุก 100 กรัม – ประมาณ 1 มิลลิกรัม
  3. ถั่วดำต้ม 1 ถ้วย – ประมาณ 0.24 มิลลิกรัม
  4. เมล็ดทานตะวัน 1 ออนซ์ (28 กรัม) – ประมาณ 0.22 มิลลิกรัม

วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน)

  1. นม 1 ถ้วย (240 มิลลิลิตร) – ประมาณ 0.4 มิลลิกรัม
  2. ตับวัวสุก 85 กรัม – ประมาณ 2.9 มิลลิกรัม
  3. ไข่ 1 ฟอง – ประมาณ 0.2 มิลลิกรัม
  4. อัลมอนด์ 1 ออนซ์ (28 กรัม) – ประมาณ 0.3 มิลลิกรัม

วิตามินบี 3 (ไนอะซิน)

  1. เนื้อไก่สุก 100 กรัม – ประมาณ 11.4 มิลลิกรัม
  2. ปลาแซลมอนย่าง 85 กรัม – ประมาณ 8.5 มิลลิกรัม
  3. ถั่วลิสง 1 ออนซ์ (28 กรัม) – ประมาณ 4 มิลลิกรัม
  4. ขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น – ประมาณ 1.4 มิลลิกรัม

วิตามินบี 5 (แพนโทธีนิก)

  1. อะโวคาโดครึ่งลูก – ประมาณ 1 มิลลิกรัม
  2. เนื้อไก่ 100 กรัม – ประมาณ 1.5 มิลลิกรัม
  3. เมล็ดทานตะวัน 1 ออนซ์ (28 กรัม) – ประมาณ 2 มิลลิกรัม
  4. เห็ดชิเมจิปรุงสุก 1 ถ้วย – ประมาณ 1.5 มิลลิกรัม

วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน)

  1. มันฝรั่งต้ม 1 ลูกขนาดกลาง – ประมาณ 0.4 มิลลิกรัม
  2. เนื้อไก่สุก 100 กรัม – ประมาณ 0.5-0.6 มิลลิกรัม
  3. กล้วย 1 ลูก – ประมาณ 0.4 มิลลิกรัม
  4. ถั่วลูกไก่ 1 ถ้วย – ประมาณ 1.1 มิลลิกรัม

วิตามินบี 7 (ไบโอติน)

  1. ไข่แดงต้ม 1 ฟอง – ประมาณ 10 ไมโครกรัม
  2. อัลมอนด์ 1 ออนซ์ (28 กรัม) – ประมาณ 1.5 ไมโครกรัม
  3. เมล็ดทานตะวัน 1 ออนซ์ (28 กรัม) – ประมาณ 2.6 ไมโครกรัม
  4. ปลาแซลมอนสุก 85 กรัม – ประมาณ 5 ไมโครกรัม

วิตามินบี 9 (โฟเลต)

  1. ผักโขมสุก 1 ถ้วย – ประมาณ 262 ไมโครกรัม
  2. ถั่วลันเตาสุก 1 ถ้วย – ประมาณ 101 ไมโครกรัม
  3. หน่อไม้ฝรั่งต้ม 4 ก้าน – ประมาณ 89 ไมโครกรัม
  4. ข้าวโพด 1 ถ้วย – ประมาณ 76 ไมโครกรัม

วิตามินบี 12 (โคบาลามิน)

  1. เนื้อวัวสุก 100 กรัม – ประมาณ 2.4 ไมโครกรัม
  2. ปลาทูน่าสุก 85 กรัม – ประมาณ 2.5 ไมโครกรัม
  3. หอยนางรม 6 ตัว – ประมาณ 16 ไมโครกรัม
  4. นม 1 ถ้วย (240 มิลลิลิตร) – ประมาณ 1 ไมโครกรัม

การกินวิตามินบีเพียงพอสามารถช่วยลดความเครียดได้จริง เพราะวิตามินบีช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ทำให้ร่างกายสร้างสารที่ช่วยควบคุมอารมณ์ เช่น เซโรโทนิน ซึ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียด การกินอาหารที่มีวิตามินบีสูง เช่น ข้าวกล้อง เนื้อสัตว์ และผักใบเขียว จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจสบายมากขึ้น

รู้หรือไม่?

น้ำวิตามินที่มีวิตามินบีรวม คือเครื่องดื่มที่ผสมน้ำและวิตามินบีหลายชนิดไว้ด้วยกัน ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินบีครบถ้วนในขวดเดียว ดื่มแล้วช่วยเพิ่มพลังงาน บำรุงสมอง และช่วยระบบประสาท ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับคนที่อาจไม่ได้รับวิตามินบีจากอาหารในปริมาณที่เพียงพอ

เรื่องแนะนำ

บทความแนะนำ