วิตามินเค (Vitamin K) คือวิตามินที่สามารถละลายได้ในไขมัน ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้เอง โดยมีความสำคัญต่อกระบวนการแข็งตัวของเลือด ช่วยป้องกันภาวะเลือดไหลมากเกินไป วิตามินเคนั้นสามารถพบได้ในอาหารหลากหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป หรือไม่ได้อยู่ในรูปแบบของอาหารเสริม ข้อดีของการรับประทานอาหารที่มีวิตามินเคโดยไม่ผ่านการแปรรูปหรืออยู่ในลักษณะอาหารเสริมนั้น ก็จะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากวิตามินเคอย่างเต็มที่
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเค
วิตามินเค สามารถพบได้ในอาหารประเภทผักใบเขียว เช่น ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี่ และกะหล่ำปลี ซึ่งถือเป็นแหล่งที่ให้ปริมาณวิตามินเคได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังพบได้ในเนื้อสัตว์ นมวัว เนย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันตับปลา ไข่แดง โยเกิร์ต เนยแข็ง มะเขือเทศ สาหร่ายทะเล ถั่ว สตรอว์เบอร์รี และชีส
ในทางการแพทย์นั้น หากมีความจำเป็นที่แพทย์จะต้องให้วิตามินเคแก่ผู้ป่วย การฉีดวิตามินเคเข้าสู่ร่างกายโดยตรงจะทำให้ผู้ป่วยได้รับปริมาณวิตามินที่เพียงพอ โดยเฉพาะในเด็กทารกแรกเกิด รวมไปถึงการรักษาอาการข้างเคียงสำหรับผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดมากเกินขนาด ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังรักษาตัว สตรีที่มีอาการแพ้ท้อง หรือผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการรักษาอาการเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยที่บริเวณผิวหนัง
ประเภทของวิตามินเค
วิตามินเค สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้
- วิตามินเค 1 หรือ ฟิลโลควิโนน (Phylloquinone) เป็นวิตามินที่อยู่ในรูปแบบผักใบเขียว เช่น บร็อคโคลี่, ผักโขม, กะหล่ำปลี ฯลฯ
- วิตามินเค 2 หรือ เมนาควินโน (Menaquinone) เป็นวิตามินที่พบในเนื้อเยื่อบริเวณตับ ผลิตโดยแบคทีเรียในลำไส้ที่อาศัยอยู่ในร่างกาย
- วิตามินเค 3 หรือเมนาไดโอน (Menadione) เป็นสารประกอบที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นโดยตับ โดยมีประสิทธิภาพมากเป็น 3 เท่าของวิตามินเค 1 สามารถละลายได้ทั้งในน้ำและในไขมัน เหมาะสำหรับการรักษาในคนไข้ที่ลำไส้ไม่สามารถสร้างวิตามินเคได้ เนื่องจากขาดน้ำดีหรือน้ำย่อยที่จำเป็นในการดูดซึม
ประโยชน์ของวิตามินเค
วิตามินเคมีประโยชน์ต่อร่างกายดังต่อไปนี้
- ช่วยป้องกันภาวะเลือดออกภายในร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาวะเลือดไหลมากเกินไป ไหลไม่หยุด
- ช่วยบรรเทาอาการประจำเดือนมามากกว่าปกติ
- ช่วยเสริมสร้างกระบวนการสร้างลิ่มเลือดภายในร่างกาย
- ช่วยให้การทำงานของตับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงกระดูกเปราะ
การรับประทานวิตามินเคนั้น ต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ หรือรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะถ้าหากร่างกายมีปริมาณวิตามินเคมากเกินไป ก็จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายได้ เช่น ตัวร้อนวูบวาบ, ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดง, รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเข็มทิ่ม, ประสาทรับรสผิดเพี้ยนไป, เหงื่อไหลมากกว่าปกติ, เวียนหัว และคลื่นไส้ อาเจียน
การใช้อาหารเสริมวิตามินเค
การรับประทานอาหารเสริมวิตามินเค เพื่อทดแทนภาวะขาดวิตามินเคในร่างกาย โดยควรอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะจำเป็นต้องรับประทานในระยะเวลาที่กำหนด ด้วยปริมาณที่พอเหมาะต่อสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล มิเช่นนั้นแล้วอาจจะก่อให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ได้
ภาวะร่างกายขาดวิตามินเค ถือเป็นภาวะที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก โดยมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารที่มีปริมาณวิตามินเคไม่เพียงพอ หรือร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินเคได้ อีกทั้งยังมีสาเหตุมาจากโรคตับ ซึ่งเป็นโรคที่จะทำให้ร่างกายไม่สามารถเก็บวิตามินเคเอาไว้ได้