การคำนวณค่าแคลอรี (Caloric Calculation) คือกระบวนการในการคำนวณปริมาณพลังงานที่ร่างกายได้รับจากอาหารที่บริโภคในแต่ละวัน การคำนวณค่าแคลอรีช่วยให้เรารู้ถึงความสมดุลของพลังงานในร่างกาย ว่าควรรับพลังงานเท่าไรเพื่อให้สอดคล้องกับการเผาผลาญในแต่ละวัน
วิธีคำนวณค่าแคลอรี
การคำนวณค่าแคลอรีสามารถทำได้โดยการคำนวณจากข้อมูลพื้นฐานของแต่ละบุคคล เช่น เพศ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง และระดับกิจกรรมทางกาย ตัวแปรเหล่านี้จะช่วยให้เราคำนวณพลังงานที่ควรได้รับหรือใช้ไปในแต่ละวัน สูตรการคำนวณที่ใช้กันมากที่สุดคือสูตร Harris-Benedict ซึ่งเป็นสูตรที่คำนวณจากอัตราการเผาผลาญพื้นฐาน (BMR) แล้วคูณกับปัจจัยกิจกรรมประจำวัน
สูตรคำนวณ Harris-Benedict
สูตรนี้มีหลายรูปแบบตามเพศและข้อมูลร่างกายของแต่ละคน เช่น:
- ผู้ชาย BMR = 88.362 + (13.397 × น้ำหนักเป็นกิโลกรัม) + (4.799 × ส่วนสูงเป็นเซนติเมตร) − (5.677 × อายุเป็นปี)
- ผู้หญิง BMR = 447.593 + (9.247 × น้ำหนักเป็นกิโลกรัม) + (3.098 × ส่วนสูงเป็นเซนติเมตร) − (4.330 × อายุเป็นปี)
เมื่อได้ค่า BMR แล้ว จะนำไปคูณกับค่ากิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน เช่น กิจกรรมเบาๆ (1.2) หรือกิจกรรมหนัก (1.9) เพื่อหาค่าพลังงานที่ร่างกายต้องการต่อวัน
การคำนวณค่าแคลอรีและการควบคุมน้ำหนัก
การรู้ถึงจำนวนแคลอรีที่ต้องการในแต่ละวันเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก โดยหากรับประทานแคลอรีมากเกินไป ร่างกายจะเก็บสะสมเป็นไขมัน แต่หากได้รับแคลอรีน้อยเกินไป ร่างกายจะใช้พลังงานสำรองและทำให้น้ำหนักลดลง ดังนั้น การคำนวณค่าแคลอรีเป็นเครื่องมือที่ดีในการบริหารจัดการน้ำหนักและสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรระวัง
การคำนวณค่าแคลอรีควรทำอย่างรอบคอบและสมดุล การบริโภคแคลอรีควรสอดคล้องกับกิจกรรมและความต้องการของร่างกาย การคำนวณเพียงอย่างเดียวไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้หากไม่ปฏิบัติตามควบคู่กับการดูแลอาหารและการออกกำลังกาย