คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrates) เป็นสารอาหารหลักที่ร่างกายใช้เป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่สุด เมื่อบริโภคคาร์โบไฮเดรตเข้าไป ร่างกายจะย่อยสลายและเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคส (Glucose) ซึ่งถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและใช้เป็นพลังงานในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น การทำงานของกล้ามเนื้อและสมอง คาร์โบไฮเดรตยังช่วยเก็บพลังงานในรูปของไกลโคเจน (Glycogen) ในตับและกล้ามเนื้อเพื่อใช้ในเวลาที่จำเป็น
คาร์โบไฮเดรตแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple Carbohydrates) และ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carbohydrates)
- คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ประกอบด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดียวหรือสองโมเลกุล เช่น กลูโคส ฟรุกโตส และซูโครส ซึ่งพบในน้ำตาลและอาหารหวาน ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมได้รวดเร็ว จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ประกอบด้วยโมเลกุลน้ำตาลหลายโมเลกุลเชื่อมต่อกัน เช่น แป้งและใยอาหาร ซึ่งพบในธัญพืช ข้าว และผักบางชนิด ร่างกายใช้เวลาย่อยสลายนานกว่า จึงให้พลังงานที่คงที่และยาวนานกว่า
การบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อการรักษาพลังงานและสุขภาพ การรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และผัก ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
อย่างไรก็ตาม การบริโภคคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว อาจทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นและส่งผลให้อินซูลินหลั่งมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและความอ้วน หากร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตเกินความต้องการ กลูโคสส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมในร่างกาย
ในทางกลับกัน การขาดคาร์โบไฮเดรตอาจทำให้ร่างกายขาดพลังงาน อ่อนเพลีย สมองทำงานช้า และอาจเกิดภาวะคีโตซีส (Ketosis) ที่ร่างกายจะใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลักแทน