22 พฤศจิกายน 2567

อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง คืออะไร

• คำศัพท์ด้านสารอาหารและโภชนาการ
ภาษาอังกฤษ
High Omega-3 Foods
- คำอ่าน -
ไฮ โอเมก้า ทรี ฟู้ดส์
ภาษาจีน
高欧米茄3脂肪酸食物
- คำอ่าน -
Gāo ōu mǐ jiā sān zhī fáng suān shí wù
ภาษาญี่ปุ่น
高オメガ3脂肪酸食品
- คำอ่าน -
Kō omega surī shibōsan shokuhin

ความหมายของ อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง

อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง คือ อาหารที่มีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ และวอลนัท ซึ่งกรดไขมันนี้ช่วยบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงการทำงานของสมอง
Empty Image

รายละเอียดเพิ่มเติม

อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง (High Omega-3 Foods) คือ อาหารที่มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อร่างกาย กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหารเท่านั้น

แหล่งอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง

กรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถพบได้ในอาหารธรรมชาติหลากหลายชนิด เช่น

  • ปลาแซลมอน: หนึ่งในแหล่งที่ดีที่สุดของโอเมก้า 3 ชนิด EPA และ DHA ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
  • ปลาซาร์ดีน: ปลาตัวเล็กที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงและมักถูกแนะนำสำหรับการเพิ่มโอเมก้า 3 ในอาหาร
  • เมล็ดแฟลกซ์: เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิด ALA ที่ดีต่อสุขภาพและเป็นแหล่งใยอาหารสูง
  • เมล็ดเจีย: อีกหนึ่งแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มาจากพืช ให้พลังงานและสารอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย
  • วอลนัท: ถั่วที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิด ALA ที่ดีสำหรับผู้ที่ทานอาหารจากพืช

ประโยชน์ของกรดไขมันโอเมก้า 3

กรดไขมันโอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญในการบำรุงสุขภาพหลายด้าน ดังนี้

  • ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด: กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ ด้วยการลดระดับไขมันที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับไขมันที่ดี (HDL)
  • ช่วยบำรุงสมอง: โอเมก้า 3 มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างและพัฒนาสมอง ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและความจำ
  • ลดการอักเสบ: กรดไขมันโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นผลดีต่อการควบคุมสภาวะที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น อาการปวดข้อหรือโรคข้อเสื่อม

วิธีเพิ่มกรดไขมันโอเมก้า 3 ในอาหาร

การเพิ่มกรดไขมันโอเมก้า 3 ในอาหารสามารถทำได้ง่าย โดยการเพิ่มอาหารเหล่านี้ในมื้ออาหารประจำวัน

  1. ทานปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอนหรือปลาซาร์ดีน อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์
  2. เติมเมล็ดแฟลกซ์หรือเมล็ดเจียในโยเกิร์ตหรือสลัด
  3. เลือกทานถั่วที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง เช่น วอลนัท

ข้อควรระวัง

ถึงแม้ว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 จะมีประโยชน์ แต่การบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรบริโภคในปริมาณที่พอดี และหากมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมที่มีโอเมก้า 3

คำศัพท์น่ารู้

เรื่องแนะนำ