การเผาผลาญในสภาวะพัก (Resting Metabolic Rate, RMR) คือปริมาณพลังงานที่ร่างกายใช้ในการทำงานพื้นฐานขณะอยู่ในสภาวะพัก ไม่ได้ทำกิจกรรมที่หนักหรือเคลื่อนไหวมาก ซึ่งรวมถึงพลังงานที่ใช้ในกระบวนการทำงานที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต เช่น การหายใจ การสูบฉีดเลือด การทำงานของสมอง และการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ การรู้ค่า RMR จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าร่างกายต้องการพลังงานมากน้อยเพียงใดในการดำรงชีวิตโดยไม่คำนึงถึงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานเพิ่มเติม
ความแตกต่างระหว่าง RMR กับ BMR
แม้ว่า RMR และ BMR จะเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพื้นฐานของร่างกาย แต่ก็มีความแตกต่างเล็กน้อย โดย:
- BMR เป็นปริมาณพลังงานที่ใช้ขณะพักผ่อนสมบูรณ์ที่สุด เช่น ขณะตื่นหลังนอนหลับ โดยไม่มีการทำกิจกรรมใด ๆ
- RMR เป็นปริมาณพลังงานที่ใช้ขณะพัก แต่ยังไม่หลับ ซึ่งอาจรวมถึงพลังงานที่ใช้จากการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การนั่งหรือการทำงานเบาๆ
ปัจจัยที่มีผลต่อค่า RMR
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเผาผลาญในสภาวะพักของร่างกาย เช่น:
- อายุ – เมื่ออายุมากขึ้น ค่า RMR จะลดลงเนื่องจากการลดลงของมวลกล้ามเนื้อ
- เพศ – ผู้ชายมักมีค่า RMR สูงกว่าผู้หญิงเนื่องจากมีกล้ามเนื้อมากกว่า
- มวลกล้ามเนื้อ – ยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก ค่า RMR ก็จะสูงขึ้น เพราะกล้ามเนื้อต้องการพลังงานมากกว่าไขมัน
- พันธุกรรม – พันธุกรรมมีผลต่อการเผาผลาญของแต่ละคน
วิธีคำนวณ RMR
การคำนวณค่า RMR สามารถทำได้โดยใช้สูตรคำนวณต่าง ๆ เช่น สูตร Mifflin-St Jeor ซึ่งคำนวณจากน้ำหนักตัว ส่วนสูง อายุ และเพศ การคำนวณนี้ช่วยให้เราทราบว่าร่างกายต้องการพลังงานอย่างน้อยแค่ไหนในการทำงานพื้นฐาน
- สูตรสำหรับผู้หญิง – RMR = (10 x น้ำหนักเป็นกิโลกรัม) + (6.25 x ส่วนสูงเป็นเซนติเมตร) – (5 x อายุเป็นปี) – 161
- สูตรสำหรับผู้ชาย – RMR = (10 x น้ำหนักเป็นกิโลกรัม) + (6.25 x ส่วนสูงเป็นเซนติเมตร) – (5 x อายุเป็นปี) + 5
การเพิ่ม RMR
แม้ว่าการเผาผลาญพื้นฐานจะถูกกำหนดด้วยปัจจัยธรรมชาติ แต่ยังมีวิธีที่สามารถช่วยเพิ่มค่า RMR ได้:
- การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ – การออกกำลังกายเช่นการยกน้ำหนักจะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งส่งผลให้ค่า RMR สูงขึ้น
- การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง – ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยโปรตีนมากกว่าไขมันและคาร์โบไฮเดรต
ประโยชน์ของการรู้ค่า RMR
การรู้ค่า RMR ช่วยให้เราวางแผนการบริโภคพลังงานได้ดียิ่งขึ้น หากต้องการลดน้ำหนักหรือเพิ่มน้ำหนัก คุณสามารถใช้ค่า RMR เป็นพื้นฐานในการปรับปริมาณอาหารและกิจกรรมทางกาย เพื่อให้พลังงานที่ได้รับสอดคล้องกับพลังงานที่ใช้ไป